"ชัยธวัช" ยันพรรคร่วมไร้รอยร้าว ขอเพื่อไทยงดจ้อสื่อปมชิงดำประธานสภา

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล กล่าวถึงการเตรียมหารือกับ 8 พรรคการเมืองที่ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) จัดตั้งรัฐบาล ที่พรรคประชาชาติในเวลา 14.30 น. วันที่ 30 พ.ค. ว่า พรุ่งนี้จะหารือการตั้งคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นหลัก ว่าหลังทำ MOU แล้วจะมาลงรายละเอียดในแต่ละข้อของ MOU เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดความเตรียมพร้อมในการบริหารงาน หลังจากตั้งรัฐบาลได้อย่างเป็นทางการแล้ว เพราะประชาชนคาดหวังเยอะว่า เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว จะเข้ามาแก้ปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว ดังนั้นต้องทำการบ้านล่วงหน้า

ส่วนกรณีรอยร้าวในพรรคร่วม นายชัยธวัช กล่าวว่า อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อมวลชนนำเสนอ เพราะการประสานงานภายในเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ประสานงานไปที่พรรคเพื่อไทย ขอให้ยุติเรื่องการให้ข่าว เรื่องประธานสภา หรือให้ความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชน แล้วมาพูดคุยกันภายใน เพื่อสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีมากกว่า เพราะเรื่องนี้ยังมีเวลาในการทำงานร่วมกันที่จะหาข้อยุติได้

เมื่อถามว่าเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร จะมีการหารือกันในที่ประชุม 8 พรรคร่วมในพรุ่งนี้หรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า คงไม่ได้เป็นวาระ เพราะที่นัดหมายการหารือไป จะเป็นแนวทางการทำงานหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะเสนอให้มีการนัดประชุมกันเป็นวาระประจำ และควรมีการตั้งคณะทำงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล หรือ transition team เพื่อให้เกิดความพร้อมในการบริหารงาน จะมีทั้งวาระร่วมใน MOU และจะต้องเตรียมตัวว่ามีอะไรสำคัญๆ ที่ตกค้างจากรัฐบาลที่แล้วบ้าง และหลายนโยบายจำเป็นต้องใช้งบประมาณ จึงจะต้องวางแผนงบประมาณให้สอดคล้องในแนวปฏิบัติ

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ส่วนตำแหน่งประธานสภา จะเป็นพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล พูดคุยกันเองเป็นหลัก และ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า ประธานสภาควรเป็นพรรคอันดับ 1 รองประธานสภาคนที่ 1 เป็นพรรคอันดับ 2 และรองประธานคนที่สองเป็นพรรคอันดับ 3 แต่คงไม่ได้มีการหารือในที่ประชุมร่วม 8 พรรค

เมื่อถามถึงโผ ครม. ที่มีกระแสข่าวออกมา และสูตรคำนวณ ส.ส. 14+1 ของพรรคก้าวไกลนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นกระแสข่าวที่เป็นสูตรโควตา ซึ่งก็เป็นแนวทางในการจัดแบ่งภาระหน้าที่ แต่รายละเอียดยังไม่ได้ข้อยุติ และเบื้องต้นตนได้หารือกับแต่ละพรรคไปแล้วว่า มีความต้องการจะผลักดันวาระอะไรบ้าง เพื่อให้ยึดโยงกับหน่วยงาน กระทรวง กรม พร้อมย้ำว่าการจัดแบ่งกระทรวง จะเอาวาระที่จะผลักดันเป็นตัวตั้ง แล้วมาดูว่าแต่ละวาระที่แต่ละพรรคให้ความสำคัญไปเกี่ยวข้องกับกระทรวง หน่วยงาน หรือกรมใด เชื่อว่าคณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลที่ตั้งขึ้น จะทำให้การจัดสรรความรับผิดชอบชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนจะเป็นกระทรวงตามที่ข่าวนำเสนอหรือไม่ เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า คงยังไม่ได้ข้อยุติขนาดนั้น และยังมีเวลาพูดคุยกันอยู่ แต่แนวโน้มการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่องการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ก็จะยังไม่ได้มีการพูดคุย แต่หากมีพรรคไหนเสนอขึ้นมาพูดคุย ก็ไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามย้ำว่า เป็นไปตามสัดส่วนเก้าอี้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็คงเป็นแนวทางพูดคุย แต่คงไม่ถึงขนาดเมื่อก่อน ที่จะมาคุยว่า เกรดเอ เอบวกบวก เท่ากับเกรดซีสองกระทรวง หรืออะไรแบบนี้ ก็คงไม่ขนาดนั้น เพราะเราเอาวาระเป็นหลัก เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะเอาเก้าอี้กระทรวงพลังงาน แลกกับ เก้าอี้ประธานสภา นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง อาจจะเป็นการประเมินเอา

เมื่อถามถึงกรณีการทาบทามคนนอกเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นายชัยธวัช กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล เทียบเชิญคนนอกมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ก็เป็นเรื่องปกติของทุกรัฐบาล ที่บางตำแหน่ง หากพรรคให้ความสำคัญกับทักษะความสามารถในการบริหาร ก็ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. มาดำรงตำแหน่งเท่านั้น เพราะภายในพรรคก้าวไกล ไม่ได้กำหนดว่า แกนนำได้ ส.ส. กี่คนจึงจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่พรรคยึดถือความเหมาะสมของตัวบุคคล ที่จะทำให้นโยบายสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นหุ้นสื่อที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าไปให้ข้อมูลกับ กกต. เพิ่มเติม ทางพรรคมีการเตรียมทีมกฎหมายหรือมีหนังสือเชิญมาจาก กกต. เพื่อเข้าให้ข้อมูลหรือยัง นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีใครติดต่อมา และยังรออยู่ ส่วนข้อมูลได้เตรียมไว้นานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีข่าวเรื่องนี้ เพราะได้เก็งข้อสอบไว้ว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาใช้ทางการเมือง และยังมั่นใจ หากกระบวนการพิจารณาตัดสินเรื่องนี้เป็นไปตามกฎหมาย ตามบรรทัดฐานของศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ผ่านมา ก็เชื่อว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร