"สุดารัตน์" วอน "เพื่อไทย-ก้าวไกล" เคลียร์ปมชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ชี้หากปล่อยฟรีโหวต ตั้งรัฐบาลแตกแน่ แนะต้องคิดถึงภารกิจสำคัญ รวมเป็นทีม Avengers สู้ทานอส อย่าเคารพเสียงประชาชนแต่ปาก ลั่น ตาม ธรรมเนียมปฏิบัติพรรคอันดับ 1 ต้องได้ทั้งประธานสภาฯและนายกฯ

วันที่ 18 พ.ค. 2566 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการนัดเคลียร์ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรระหว่าง 8 พรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ว่า ธรรมเนียมปฏิบัติ พรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 จะได้ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย มีแค่ 2-3 ครั้งที่พรรคอื่นจะได้ ยกตัวอย่างการจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้ว พรรคอันดับ 2 ได้จัดตั้งรัฐบาล จึงไปเอาพรรคอันดับ 3 หรือ 4 มาเป็นประธานสภาฯ แต่หากจะทำนอกทำเนียบปฏิบัติ พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยต้องคุยกัน ไม่ใช่การเปิดฟรีโหวต เพราะการเปิดฟรีโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร มีโอกาสสูงที่พรรคร่วมรัฐบาลจะแตก ควรคุยกันให้จบ

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยอ้างว่า แม้จะเป็นพรรคอันดับ 1 แต่ได้เสียงห่างกันไม่ถึง 10 เสียง ควรจะแบ่งแต่ละตำแหน่งให้กัน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ชนะคือชนะ คนได้ที่ 1 คือได้ที่ 1 ในอดีตเสียงสูสีกันกว่านี้เยอะ แต่ส่วนตัวตั้งข้อสังเกต ว่า ตำแหน่งประธานสภาไม่ได้มีอำนาจอะไรมากไปกว่าครั้งที่ผ่านมา ก็งงใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำให้ต้องออกมาเป็นแบบนี้ หรือเขามองไปถึงช็อตต่อไปแล้ว ว่า จัดตั้งรัฐบาลมันจะไม่สำเร็จ จึงต้องแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาก่อนหรือไม่ อันนี้เดานะ

"เพราะประธานสภา มันไม่ได้มีอะไร ที่เคยอยู่ถูกหยิบยกมาเป็นปัญหา มากเท่าครั้งนี้ ตั้งแต่ตนทำการเมืองมา ส่วนมันจะจบอย่างไรคงมีแค่ 2 ทาง 1.คือยึดหลักปฏิบัติ ที่ทำกันมาคือให้พักอันดับ 1 เขาเป็น แต่ถ้าพักอันดับ 2 อยากได้ ไปเจรจากับพรรรคอันดับ 1 ซะ ให้มันชัดเจน หวังว่ามันจะหยุดแค่อยากได้ตำแหน่งประธานสภา" ตัดชน" นาทีที่ 5.47 " ไม่ว่าประชาชนมอบฉันทาปัตติให้กับพรรคใด เราควรที่จะสนับสนุนไปตามฉันทามติของประชาชน เพื่อเคารพเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เคารพแต่ปาก และโดยธรรมเนียมปฏิบัติ ก็พรรคอันดับ 1 เขาก็ได้ทั้ง ประธานสภาและนายกมีข้อยกเว้นไหมมีอาจจะ 2-3 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้หากอยากจะมีข้อยกเว้นไปตกลงกัน"

คุณหญิงสุดารัตน์​ ย้ำว่า ส่วนตัวไม่ได้ยึดติดว่า จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ซึ่งเราประกาศเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่า เราจะเลือกและสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียงจากประชาชนเป็นอันดับ 1 ส่วนตัวอยากจะวิงวอนว่าหากจะเอาชนะเผด็จการและแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ควรจะยอมกัน จะยอมกันโดยธรรมเนียมปฏิบัติ พรรคเพื่อไทยถอยให้พรรคก้าวไกลก็ได้ หรือถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยอม ก็ควรจะคุยกันให้เรื่องมันจบและจับมือกันให้แน่นเป็นฝ่ายประชาธิปไตย จัดตั้งรัฐบาลให้ได้เสียก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้เสียก่อน แล้วเที่ยวหน้าค่อยลงสนามแข่งกันอีกรอบ แต่เที่ยวนี้ต้องยอมรับว่าประชาชนให้ฉันทามติพรรคก้าวไกล เราจะต้องฟังเสียงประชาชน นี่คือสิ่งที่พรรคไทยสร้างไทยวิงวอน

เมื่อถามว่ามีหลายคนวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์แย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯจะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ไปกับพรรคก้าวไกล คุณหญิงสุดารัตน์​ กล่าวว่า มันขึ้นอยู่กับ เอาตำแหน่งมาเป็นข้ออ้าง หรือเอาเจตนาที่แท้จริงมาเป็นข้ออ้าง ถ้าเจตนาอยากจะให้ฟังประชาธิปไตยชนะเผด็จการ และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ เรื่องตำแหน่งคงเป็นเรื่องรอง จึงต้องถามว่าเจตนาอยากจะเดินต่อหรือไม่ ซึ่งตนตอบแทนพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะตนก็เป็นเพียงแค่พรรคขนาดเล็ก ไม่มีเสียงที่จะไปบังคับอะไรใครได้

"วันนี้อยากให้ทุกคนคิดว่าตัวเองไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าจะแพ้น้อย แพ้น้อยมาก แต่ต้องรวมกันเฉพาะกิจมาด้วยกันเป็นทีมอเวนเจอร์ไปล้มทานอสให้ได้แต่ถ้าเราแตกมือกันไป เราไม่มีทาง "อย่าเอาประชาชนมาเป็นผนังทองแดงกำแพงกั้น แต่ทำเพื่อตัวเอง แต่ขอให้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง"

เมื่อถามว่า นายศิธา ทิวารี เคยบอกว่าพรรคไท​ยสร้าง​ไทย เป็นฝ่ายค้านก็ได้ แล้วหากพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคไทยสร้างไทย จะเลือกอยู่ฝั่งใดระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ก็คงต้องฟังเสียงประชาชน ทำอะไรจะไม่ทรยศประชาชน เรามีจุดยืนของเรา และเป็นพรรคที่มีไม่กี่เสียงเราจะไม่ตั้งเงื่อนไขอะไร แต่พรรคเพื่อไทย จะให้พูดวันนี้ก็จะกลายเป็นการกล่าวหาเขา รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาถาม วันนี้ยังหวังให้สองพรรคใหญ่เขาจับมือกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ตอนนี้ได้มีการเตรียมจะแบ่งเค้กเก้าอี้ ครม.แล้วโดยยึดที่ 8.6 เก้าอี้ ส.ส. ได้ 1 รัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์​ กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ไม่ได้มีใครมาคุยกับพรรคไทยสร้างไทยและพรรคใครสร้างใครก็ไม่ได้ เรียกร้องตำแหน่งอะไร แต่วันที่ 30 พฤษภาคมนี้มีการนัดหมายจริง ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบว่า จะพูดคุยเรื่องอะไร แต่เท่าที่รู้ตอนนี้ น่าจะเคลียร์เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรก่อน

คุณหญิงสุดารัตน์​ กล่าวว่า​ ดังกล่าวถึงข้อพิพาทระหว่างนายศิธา ทิวารี กับนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า ส่วนตัวได้ขอโทษหมอชลน่านไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ออกรายการด้วยกัน และนายศิธาก็ออกมาขอโทษแล้ว ซึ่งถือว่าจบแล้ว และจากนี้ไปก็คงจะไม่มีการพูดอะไรแล้ว หลังจากนี้ก็คงรอการพิสูจน์ความจริงใจของแต่ละฝ่าย