ยิ่งสืบยิ่งยาก! อุ้มฆ่าเด็ก 3 ขวบเจอชายชุดขาวแบกของ ล็อกเค้นบ้านใกล้หวั่นจับผิด

จากกรณีน้องณาดา อายุ 3 หายตัวไปจากหน้าบ้านใน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 16.00 น. กระทั่งมีคนไปพบศพลอยน้ำอยู่ในบึงห่างจากบ้านพัก 650 เมตร สภาพเปลือยท่อนล่าง ในช่วงเช้าของวันที่ 16 พ.ค. ซึ่งตำรวจคาดว่าน้องไม่น่าจะเดินไปเองได้ เชื่อว่ามีคนร้ายลักพาตัวไปและทำให้เสียชีวิต

วันที่ 17 พ.ค. 2566 ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพวงจรปิดเบาะแสชายต้องสงสัยคนหนึ่ง เดินผ่านกล้องของร้านค้าเพื่อนบ้าน ลักษณะสวมชุดสีขาว เดินด้วยความเร็วเข้า มุ่งหน้าเข้าไปภายในซอยบ้านของน้องณาดา เวลาประมาณ 16.12 น. ซึ่งคลิปแรกจะเห็นว่า ชายคนนี้เดินผ่านกล้องเพียงคนเดียว

แต่จากนั้น กล้องตัวเดียวกันจับภาพชายคนเดิม เดินผ่านเข้าไปภายในป่าหลังบ้านของน้องณาดา เมื่อสังเกตให้ดีจะเห็นชายคนเดิมกำลังแบกอะไรบางอย่างสีฟ้าไว้บนบ่า ซึ่งใกล้เคียงกับสีเสื้อผ้าของน้องณาดาที่ใส่ก่อนจะหายตัวปริศนา

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบดูบริเวณหลังร้านที่น้องณาดาหายตัวไปจนถึงจุดพบศพ พบว่า มีบ้านของชาวบ้านทั้งหมด 4 หลังด้วยกัน และหากคนร้ายอุ้มน้องณาดาออกทางหลังร้านค้าอย่างที่ตำรวจสงสัย จะออกได้ 2 เส้นทางด้วยกัน คือ เส้นทางที่ 1 คนร้ายจะต้องอุ้มน้องณาดาผ่านซอยข้างบ้านของน้าสาวของน้องณาดา ซึ่งเป็นป่าทึบและไม่มีบ้านอีกเลย

น้าสาวของน้องณาดา ตั้งข้อสงสัยว่า คนร้ายต้องรู้ความเคลื่อนไหวของคนในบ้านเป็นอย่างดี และวางแผนวันที่จะก่อเหตุมาเเล้ว คือ 1.วันที่เกิดเหตุ คือ 14 พฤษภาคม เป็นวันเลือกตั้งพอดี ชาวบ้านจะออกไปเลือกตั้งกันเกือบหมด 2. มีตลาดนัดฝั่งตรงข้ามบ้านของน้อง ทำให้คนเยอะมาก เดินพลุกพล่าน ง่ายในการลงมือเพราะจะไม่ค่อยเป็นจุดสนใจ ซึ่งตลาดนัดจัดเพียง 1 วันต่อสัปดาห์ คือวันอาทิตย์ที่น้องหายพอดี 3.เป็นช่วงเวลา 4 โมงกว่า ซึ่งเป็นเวลาที่ชาวบ้านจะเดินทางจากบ้านออกไปละหมาดเป็นประจำทุกวัน

และคาดว่า น้องณาดาเดินไปจุดพบศพคนเดียวไม่ได้แน่นอน หากเดินไปจริงทำไมร้องเท้าแตะน้องไม่เปื้อนโคลนแม้แต่นิดเดียว เพราะหลังน้องณาดาหายเพียง 1 ชั่วโมง ฝนก็ตกหนักมาก และหลังน้องหาย 2 วันฝนก็ตกติดต่อกันทุกวันอีกด้วย

ส่วนเส้นทางที่ 2 จะผ่านบ้านของน้องณาดา ซึ่งช่วงที่น้องหายตัวไปจะไม่มีใครอยู่ภายในบ้านเลย ง่ายในการลักพาตัว แต่หากผ่านเส้นทางนี้ คนร้ายจะต้องอุ้มน้องณาดาผ่านบ้านของชาวบ้าน 3 หลัง ซึ่งจะอยู่ใกล้จุดที่พบศพไม่เกิน 100 เมตร

ต่อมาทีมข่าวจึงเดินทางไปสอบถามชาวบ้าน 3 หลังที่อยู่ใกล้จุดที่พบศพที่สุด เราได้พูดคุยกับนายบี (นามสมมติ) ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้จุดพบศพที่สุด ให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลา 3-4 โมงเย็นก่อนที่จะตนเองจะทราบข่าวว่าน้องณาดาหายตัวไป ตนเองได้นอนเล่นอยู่ภายในบ้านกับภรรยา และลูกสาววัย 3 ขวบ 1 คน ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องหรือมีคนแปลกหน้าผ่านมาแถวบ้านเลย

ส่วนบ้านอีก 2 หลังที่อยู่ใกล้กับบ้านตนเอง คือบ้าน พ่อตาแม่ยาย อายุ 80 กว่าปีแล้ว ก็อยู่บ้านกัน 2 คน แต่เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ อยู่แต่ในบ้าน ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร

ส่วนบ้านอีกหลังเป็นบ้านของนายซี (นามสมมติ) พี่เขยของตนเอง ซึ่งขณะนั้นตนเองก็เห็นนายซี อยู่บ้านกับลูกสาวและลูกชายของนายซีอีก 3 คน รวม 4 คน

ซึ่งจากการสอบถามทุกคนไม่ได้ยินเสียงหรือความผิดปกติอะไร มารู้อีกทีว่าน้องณาดาหายตัวไป ก็เวลาประมาณ 16.00 น. กว่าๆ แล้ว โดยแม่น้องณาดา ได้เดินมาที่หน้าบ้านและถามหาลูกสาว ซึ่งตนเองและภรรยา รวมถึงพี่เขย และลูกๆพี่เขย กำลังจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไปตลาดนัด ก็บอกแม่น้องณาดาไปแล้วว่า ไม่มีใครเห็นเลย

ขณะที่ ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนราธิวาส และชุดสืบ สภ.ตันหยง พร้อมด้วยพันตำรวจเอกสุธน สุขวิเศษ รองผู้บังคับการจังหวัดนราธิวาส ได้ลงพื้นที่ดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง และสั่งการให้ชุดสืบสวนหาเบาะแสของคนร้าย ซึ่งจากการลงพื้นที่หาข่าวของชุดสืบสวนเชื่อว่า น้องณาดาไม่ได้เดินมาจุดที่พบศพได้เองแน่นอน และตั้งธงว่าต้องมีคนร้ายพาน้องไป ส่วนแรงจูงใจหรือลักษณะการก่อเหตุว่า คนร้ายกระทำชำเราน้องก่อนโยนศพทิ้งน้ำหรือไม่ ต้องรอผลตรวจจากแพทย์ 3-4 วัน ซึ่งเมื่อวานนี้ตำรวจได้เชิญหมอใหญ่นิติเวชฯ จากกรุงเทพฯ บินด่วนมาลงที่หาดใหญ่ และเดินทางมาผ่าชันสูตรน้องณาดาถึง จ.นราธิวาส เพื่อเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด

นอกจากนี้ ตำรวจได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 คน ไปสอบปากคำ และพาไปที่โรงพยาบาลเพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ โดยผู้ต้องสงสัยคนแรก คือ นายดำ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นชายสติไม่ค่อยดี ที่พบในกล้องวงจรปิดช่วงเกิดเหตุ ที่ทีมข่าวนำเสนอไปเมื่อวานนี้ และบุคคลที่ 2 คือ นายซี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นพี่เขยของนายบี (นามสมมติ) ซึ่งบ้านของนายซี นั้นอยู่ใกล้กับจุดที่พบศพประมาณ 100 เมตรเท่านั้น

ต่อมาทีมข่าวได้ขออนุญาตผู้ปกครองของเด็กหญิงคนหนึ่งวัย 3 ขวบ 6 เดือน ให้เด็กทดสอบเดินเท้าออกจากบ้านเพียงคนเดียว ซึ่งพบว่าเด็กสามารถเดินออกจากบ้า เพื่อไปบ้านข้างๆ ได้ตามปกติ และเดินได้คล่องแคล่ว สามารถก้าวข้ามขอนไม้ได้ไม่มีปัญหา แต่ทุกอย่างเด็กจะฟังตามคำสั่งที่ทีมข่าวบอกให้เดินตลอด ไม่กล้าเดินไปคนเดียวแบบไม่มีจุดหมาย

และทีมข่าวทดลองบอกให้เด็กเดินเข้าไปภายในป่าเพียงคนเดียว ปรากฏว่าเด็กจะไม่เดินเข้าไปหรือทำตามที่ทีมข่าวสั่ง เมื่อสอบถามผู้ปกครองก็จะบอกว่า ลูกสาวกับน้องณาดาเป็นเด็กรุ่นเดียวกัน เป็นเพื่อนกัน น้องจะกลัวที่จะเดินออกนอกบริเวณบ้านเพียงลำพัง หากไม่มีใครไปด้วยน้องจะไม่ไป ยิ่งหากให้น้องเดินเข้าป่า หรือออกนอกบ้านที่น้องไม่คุ้นชินแล้ว น้องยิ่งไม่ไปคนเดียวเด็ดขาดเนื่องจากกลัว

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางสาวซารีปะ แม่ของน้องณาดา ได้พาทีมข่าวไปบริเวณหลังบ้านซึ่งเป็นเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายน่าจะลักพาตัวลูกสาวไป (เส้นทางที่ 2) โดยมั่นใจว่าต้องมีคนร้ายอุ้มน้องไปเพราะช่วงจังหวะที่พ่อของน้องวิ่งไปแลกเงินกับร้านค้าข้างๆ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีเท่านั้น

ล่าชายชุดขาวอุ้มเด็ก