"อนุทิน" ซัด โค้งสุดท้าย สาดวาทะกรรม คนไม่เกี่ยวการเมือง จุ้นจนวุ่นวาย สร้างความแตกแยกไม่จบสิ้น เหน็บบางพรรค ทำงานเหมือนบริษัท สั่งซ้ายหันขวาหัน ดักคอพวกจับขั้วก่อน ถามประชาชนหรือยัง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ว่าตนไม่ได้สนใจเรื่องนอกพรรคเลย เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้จนจำไม่ได้แล้วว่าไปไหนบ้าง ตอนนี้ลงพื้นที่อย่างเดียว ไม่ได้ติดตามข่าวอื่น ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทยลูกพรรค ไม่ได้ติดต่อเรื่องใดๆมาที่ตน ว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร วันนี้คงไม่คิดเรื่องอย่างนี้แล้ว เพราะต้องคิดอย่างเดียวว่า จะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจและเลือกเขาเข้ามา

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ภูมิใจไทยมีหมัดเด็ดในการหาเสียงอย่างไร หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรานำเสนอนโยบาย ที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และพยายามทำให้ประชาชนเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นของการเป็นพรรคการเมือง ที่ไม่เน้นความแตกแยก เราไม่ชอบความแตกแยก ไม่แบ่งฝ่าย ตั้งใจทำงาน เพื่อเอาประเทศไทยออกจาก ประเทศที่ไม่มีความสามัคคีของคนในชาติ ให้เร็วที่สุดให้ได้

 

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวแบ่งแยกและมีขั้วเก่าขั้วใหม่เกิดขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า "กระแสมันมีคนสร้างขึ้นมา  กระแสถูกสร้างโดยคน ผมคิดว่าประชาชนแยกแยะออกว่า ไปเชื่อในข้อมูลใดแล้ว เขาได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ หรือทำให้เสียประโยชน์อะไร เขา แยกแยะออก ตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่เรื่องของการเมือง คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเยอะแยะไปหมด ไม่รู้เข้ามาทำไม เพราะมันเป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของนักการเมือง เป็นเรื่องของผู้สมัคร ก็ควรที่จะต้องจำกัดวงผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้สมัครแต่ละคนที่เข้ามา ก็ต้องถือว่าผ่านคุณสมบัติเข้ามาแล้ว ซึ่งตรวจคุณสมบัติโดยกกต.ว่า ผู้สมัครคนนั้นมีประวัติไม่ดีอะไรหรือไม่ หรือมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ถ้ามีก็เข้ามาสมัครไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องถือว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วน มันไม่ใช่หน้าที่ของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง และมาเที่ยวว่ากล่าวให้ร้าย ก็จะทำให้ความแตกแยก ไม่จบไม่สิ้นเสียที พรรค ภูมิใจไทยถึงไม่โต้ไม่ตอบ ไม่สนใจ เพราะถ้าไปโต้ตอบหรือไปสนใจ ก็จะทำให้มีความรู้สึก และถ้ามีความรู้สึกแล้ว ก็จะต้องโต้ตอบ จนเกิดความขัดแย้ง ไม่จบไม่สิ้น เรามั่นใจว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชนแล้ว เราก็จะเดินถนนของพรรคภูมิใจไทย"

 

เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งออกมาเป็นไปตามกระแส จะทำให้ทิศทางของประเทศเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสไหนล่ะ หากเป็นกระแสของพรรคภูมิใจไทยเราก็เชื่อมั่น ตอนนี้ต่างคนต่างมีแฟนคลับของตัวเอง ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวลาตนที่ไปปราศรัยที่ไหน ได้ให้สัญญากับชาวบ้านว่า ถ้าได้กลับเข้ามาทำงานให้ประชาชนอีกก็จะดำเนินการตามนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แม้แต่ นโยบายที่ทำมาแล้ว ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไป ไม่มีการกีดกัน ตนคิดว่าเราทำงานการเมืองสร้างสรรค์ดีกว่า พอแล้วสำหรับการทะเลาะกัน เพราะผลสุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ คือประชาชน นักการเมืองไม่มีใครเสียประโยชน์ การที่จะบอกว่าไม่เอาพรรคนั้นไม่เอาพรรคนี้ หรือต้องการจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ก็ต้องถามว่าพรรคการเมืองเป็นของคนใดคนหนึ่งหรือเปล่า เข้ามาได้มามีบทบาท ก็เพราะประชาชนเลือกมา ดังนั้นพรรคการเมืองเป็นของประชาชน จะพูดอะไรแทนประชาชนขอให้เกรงใจประชาชนบ้าง บอกว่าไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีอำนาจในการพูดเช่นนั้นหรือไม่ ถามประชาชนหรือยัง ประชาชนต้องการให้เกิดความแตกแยกอย่างนั้นหรือ บางที คนที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทำงานภาคเอกชนมามาก คิดว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัทสั่งซ้ายหันขวาหันได้ มันไม่ใช่ พรรคการเมืองเป็นของประชาชน เป็นของสาธารณะ ทำอะไรต้องคิดถึงประชาชน และไม่มีคำว่าเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ไม่มีผู้ถือหุ้น แต่มีกรรมการบริหาร มีสมาชิกพรรค ซึ่งเสียงทุกคนเท่ากันหมด

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีพรรคการเมืองหาเสียง ด้วยประเด็นการเปลี่ยนประเทศและไม่ต้องการให้เปลี่ยน นายอนุทิน กล่าวว่า การหาเสียงด้วยวาทะกรรม ไม่นำพาประเทศไปไหน จะเปลี่ยนประเทศอย่างไร จะเปลี่ยนให้คนเคยรักกันไปเกลียดกันอย่างนั้นหรือ แล้วอย่างนี้ควรเปลี่ยนหรือไม่ เปลี่ยนของที่มีดีอยู่แล้ว ทุกคนมีความสุข ร่มเย็น รู้สึกดีที่มีสถาบัน คอยดูแลประเทศนี้มาเป็น 100 ปี แล้วจะเปลี่ยนให้ไม่มี ขนาดปี 2475 ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ดีๆ จะคิดเพียงแค่เอามันไม่ได้ นี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง