"ปราปต์ปฎล" แจงละเอียดยิบ หลังปรากฏภาพสวมเสื้อเข้าร่วมพรรคไทยภักดี ร่วมปราบโกง พร้อมบอกเหตุผลไว้แบบนี้..

ภายหลังจากที่ปรากฏภาพของ นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง หรือ ปราปต์ ดารานักแสดง ก็ได้เข้ารับการสวมเสื้อเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดีจาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค และนายถาวร เสนเนียม ประธานพรรค ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. "เมล็ดพันธุ์การเมืองใหม่" โดยบนเสื้อยืดมีข้อความว่า "ปราบโกง"

ล่าสุด ปราปต์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กPraptpadol Suwanbang ระบุว่า

"ขออนุญาตใช้พื้นที่ส่วนตัว ให้ข้อมูลกับพี่น้องสื่อมวลชน ถึงภาพที่หลุดออกไป สร้างความประหลาดใจให้กับพี่น้องสื่อ จนต้องโทรมาสอบถามผม หลายสิบรายในขณะที่ผมขับรถกลับบ้าน..

นับตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม ที่ผมได้ไปยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าเรื่องคดีความที่ตึกดีเอสไอ และได้พูดถึงเรื่องราวที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่โปร่งใสจากเจ้าหน้าที่รัฐ ดังที่เป็นข่าวจากการนำเสนอของพี่น้องสื่อ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเท็จจริงจากผม ก็เกิดเป็นประเด็นร้อนในสังคมอย่างที่ทราบ จนต่อเนื่องถึงการให้สัมภาษณ์กับอีกหลายรายการ และกราบขออภัยพี่น้องสื่ออีกหลายท่านที่ผมต้องปฏิเสธไป เนื่องด้วยหลังจากยื่นหนังสือเสร็จผมก็ต้องไปทำภารกิจต่ออีกวันที่อยุธยา มีเวลาสะดวกต่อการให้สัมภาษณ์ในรายการคือวันที่ 9 มีนาคม และด้วยเวลาที่จำกัด ณ ตอนนั้นที่พี่ๆ สื่อได้เมตตาจะให้พื้นที่ได้ในการชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตผมช่วงนี้ ผมจึงต้องปฏิเสธไม่ได้ไปร่วมรายการ เมื่อเสร็จสิ้นจากรายการ ถกไม่เถียง ผมรู้สึกว่าผมพอแล้วกับการต้องนั่งพูดคุยซักถามด้วยข้อเท็จจริงเดิมๆ ที่พูดกี่ครั้งก็ยังไล่เรียงเหมือนเดิม ดังที่สังคมได้ชมและรับรู้จากการพูดคุยทั้งที่ออกรายการสด และการโฟนอินเจาะลึกกับพี่ดนัย (หมาแก่) และการออกมาแฉพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐครั้งนี้ มีกระแสจากหลายฝ่ายเตือนผมมาด้วยความห่วงใย จากข้อมูลที่ได้รับกัน และจากข่าวที่มีการโต้กลับของอีกฝ่าย ที่มีอำนาจในมือว่าจะดำเนินกับผม ผมทราบครับว่าผมจะได้รับผลกระทบอย่างไร และน่าจะหนักแค่ไหน อาจไม่ใช่แค่ตัวผม น่าจะรวมไปถึงแฟนผมที่ยังติดอยู่ในเรือนจำ แต่เราสองคนปรึกษากันแล้วว่า สู้เงียบๆ สงบเสงี่ยมก็โดนเหยียบย่ำไม่มีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าทำไมผมต้องเก็บข้อเท็จจริงไว้กับตัว แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้ายเราด้วยการปล่อยข่าวเท็จ จึงตัดสินใจขอให้พี่น้องสื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงตีแผ่เรื่องราวสู่สังคม
ชีวิตผมและแฟนอาจอยู่อย่างลำบากดังที่หลายท่านเตือนสติว่าสู้กับคนมีอำนาจในมือ อย่างไรก็พ่ายแพ้ แต่อย่างน้อยผมก็ได้สู้กับความอยุติธรรมต่อหน้าสังคมที่ได้รับรู้อีกมุม

คืนวันที่ 9 มีนาผมกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน มีโทรศัพท์เข้ามาเยอะแยะ จนผมรู้สึกเครียดและคิดว่า..ผมพอแล้ว ผมสู้จนหมดแรงแล้ว จากนี้จะเป็นอย่างไรก็สุดแท้แต่เวรกรรม

สายสุดท้ายที่ผมได้รับ จากที่ลังเลว่าจะรับดีมั้ยจากที่ตัดสายทิ้งไปเยอะ ผมตัดสินใจรับ..ท่านที่โทรหาผมแนะนำตัวว่าท่านชื่อหมอวรงค์ เป็นหัวหน้าพรรคไทยภักดี ท่านบอกว่าติดตามเรื่องข่าวสารคดีผมมาพอสมควร และเห็นถึงวิธีการต่อสู้ของผม ท่านชื่นชมว่ากล้าหาญและรอบคอบมาก ท่านถามผมว่าจากนี้จะทำยังไงต่อไป ผมก็ตอบไปว่าไม่ทำยังไงแล้วครับ..ผมพอแล้ว ท่านจึงบอกว่าท่านและประธานพรรค ท่านถาวร เสนเนียม และคณะทำงานของพรรคอยากจะให้ผมใช้ความกล้าหาญที่มีอยู่ต่อสู้ต่อไป แต่ครั้งนี้อยากให้เป็นตัวแทนของการต่อสู้เพื่อชาวบ้านที่ถูกรังแก และไม่รู้จะต่อสู้ยังไงกับคนพวกนี้ พรรคพร้อมจะสนับสนุนการต่อสู้อย่างถึงที่สุด เพราะมันคือนโยบายหลักของพรรค ผมเรียนให้ทราบตรงๆ ว่าคำว่าการเมืองสำหรับผม..ผมรังเกียจมาตลอด และไม่เคยมีมันอยู่ในความคิดเลย เพราะเห็น รับรู้มาตลอดจากการมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคนพวกนี้ในอาชีพดารานักแสดง จนมาถึงการถูกกระทำทุกวันนี้จะไม่ให้รังเกียจได้ยังไง แต่คุณหมอท่านก็บอกว่าลองเข้ามาคุยกันที่พรรคแล้วค่อยตัดสินใจ ว่าทำไมคนรังเกียจนักการเมืองอย่างนี่แหล่ะควรจะต้องมาทำงานด้านการเมือง..ถ้าถามผมว่ามีใครติดต่อผมบ้างมั้ยในเรื่องการเมือง คำตอบคือมีครับ หลายพรรคเลยครับที่อยู่ในสภานี่ล่ะ แต่คำตอบว่ารังเกียจการเมืองของผมทำให้การสนทนาสิ้นสุด..แต่ระดับหัวหน้าพรรคให้เกียรติโทรมาหาด้วยตนเองมีพรรคเดียว และเป็นพรรคที่ไม่ได้มีภาพจำอย่างที่เห็นในสภา และด้วยวิธีการชักชวนที่จริงใจทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปที่พรรคในวันนี้..และตัดสินใจที่จะลุกขึ้นสู้กับอำนาจอยุติธรรมอีกครั้งด้วยการทำงานด้านการเมือง..ปุ๊บปั๊บกันเลยทีเดียว ก็ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียกันแล้วนี่ชีวิต เมื่อผู้ใหญ่เมตตาให้เส้นทางการต่อสู้แบบใหม่ที่จะสามารถทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคมได้ที่ไม่จำเป็นต้องถูกตีเป็นราคา..และมีความพร้อมทุกฝ่ายที่พร้อมให้การสนับสนุน..ขอลุยอีกสักตั้งครับไปให้สุด..ไม่ใช่แค่สู้เพื่อตัวเอง แต่จะสู้เพื่อพี่น้องชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแบบผม ขอชนกับคนคอร์รัปชันอีกสักยกครับ"