"อย่าโยงไปเกี่ยวข้องให้วุ่น" จตุพร เผยสัมพันธ์หมู่มิตร นปช. ไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตใครได้ ชีวิตใครชีวิตมัน แจงยิบมิตรร่วมต่อสู้ "สมหวัง-เจ๋ง ดอกจิก ต้องอธิบายตัวเอง ไม่กี่ยว ไม่ไปด้วย ลั่นยังนั่งวิจารณ์ "ประยุทธ์-3 ป." ตามเดิม

วันนี้ (10 ก.พ.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กถึงสัมพันธ์ชีวิตระหว่างหมู่มิตร นปช.ว่า แต่ละคนเป็นเจ้าชีวิตของตัวเอง ย่อมตัดสินใจทางการเมืองตามใจต้องการของตัวเอง ดังนั้น แต่ละคนต้องอธิบายการตัดสินใจด้วยตัวเองเท่านั้น สำหรับตนไม่เกี่ยวด้วย เพราะตนไม่ไปไหน ยังอยู่ในภาคประชาชนเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และขบวนการ 3 ป.ตามเดิม

ส่วนกรณีหมู่มิตรที่เคยร่วมต่อสู้กันมาไปสังกัดพรรคการเมืองต่างๆ อีกทั้งอยู่ฝ่ายตรงข้ามนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร คุยกับคนตรงข้ามที่พวกตนต่อสู้ด้วยและพึ่งพาคนตรงข้ามมากกว่าตนเป็นร้อยเท่าทวีคูณ แต่โชคดีที่ไม่มีภาพปรากฎ แม้มีคลิปเสียงหลุดมาคลิปเดียว แต่คนไม่ถือสาทักษิณ จะพูดอย่างไรบรรดากองเชียร์ก็หลับหูหลับตาเชียร์

นายจตุพร กล่าวถึงนายสมหวัง อัสราษี ไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ตนรู้จักเพราะอยู่ในส่วนกลาง ซึ่งสนิทกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พาเข้ามา นปช. ส่วนกับตนแล้วก็สนิทและดีต่อกัน มีอะไรมากมายในชีวิตที่เกี่ยวข้องต่อกัน ซึ่งนายสมหวังก็มีชีวิตของเขาเอง ซึ่งความจริงก็อยู่ในฐานะที่ไม่ควรมายากลำบาก ตนไม่รู้ว่าจะตัดสินใจชีวิตของเขาอย่างไร แต่เราเองไม่เคยได้คุยกัน หลังจากนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันก็ยุติกันหมด

ส่วนนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก นายจตุพร กล่าวว่า ตนเจอครั้งสุดท้ายในศาลเช่นเดียวกับแกนนำ นปช.คนอื่น เมื่อครั้งต้องคำพิพากษากรณีปล้นรถถัง 5 ปี 4 เดือน แต่ก่อนหน้านี้ร่วม 3เดือนเขามาลาตน โดยขอใช้ชีวิตของเขาเอง จึงต้องเล่าให้ฟังเดี๋ยวจะมีการจับโยงกันให้วุ่นไปหมด

“คุณเจ๋ง เขาไปทำอะไร ก็ต้องรับผิดชอบกันเอง เพราะผมไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตเขา ส่วนคุณสมหวังเขาไปนานแล้ว ดังนั้น การตัดสินใจทางการเมืองของสองคนนี้ ต้องเป็นความรับผิดชอบของสองคนต้องอธิบาย แต่ไม่เกี่ยวกับผม และผมก็ไม่ได้ไปด้วย และยังนั่งวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ และ 3 ป.อยู่เหมือนเดิม จึงอธิบายเพื่อความเข้าใจ”

นายจตุพร ย้ำว่า กรณีของแรมโบ้ เจ๋งและสมหวังในเวลานี้ เราไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตระหว่างกัน แม้ใกล้ชิดกัน เป็นเพื่อนกัน ร่วมกันต่อสู้เหมือนกันในสมรภูมินั้นๆ แต่การตัดสินใจทางการเมืองกันนั้น เราเป็นเจ้าชีวิตกันหรือ เราไม่มีปัญญาไปดูแลชีวิตใครได้ ดังนั้นเหตุผลแต่ละคนต้องรับผิดชอบตัวเอง

นายจตุพร ย้ำว่า ตนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ต้องการชี้ถึง ทุกคนเป็นเจ้าชีวิตของตัวเอง ใครไปที่ไหนไม่เกี่ยวกับตน ห้ามอะไรไม่ได้ และไม่เคยห้ามใครได้ด้วย ตนทำหน้าที่ได้ดีที่สุดก็คือห้ามตัวเอง ดังนั้น จึงกล้าตั้งคำถามว่า เพื่อไทยจะจับกับ พปชร.หรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทยก็ประกาศมาแล้วว่า ไม่จับมือทั้ง พปชร.และ รทสช.

“ที่อธิบายมานั้น ต้องการชี้ให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายคือ ปัญหาชาติอยู่แล้วในเวลานี้ ถ้ากรณ์ทักษิณไม่ปลุกเรื่องกลับบ้าน จนอีกฝ่ายต้องเอาประยุทธ์ กลับมาใหม่ แล้วทักษิณยังต้องอธิบายเรื่องประวิตรด้วยตัวเอง ไม่ใช่ประวิตรต้องพูด และเพื่อไทยก็ไม่ต้องตอบ เพราะผมไม่เชิ่อ”