โลกโซเชียลขุดพฤติกรรมสามเณร ตกกลางคืนแต่งหญิงออกเที่ยว แอบกกหนุ่มในกุฏิ สอบถามสามเณรรับเป็นภาพตัวเอง แต่เป็นภาพเก่า และยอมรับคำตักเตือน

วันที่ 2 ก.พ. 2566 จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก "เเม่ทัพลิง จุ๊กกรู๊" ได้โพสต์ภาพสามเณรรูปหนึ่ง มีพฤติกรรมศัลยกรรม เเต่งกายเป็นหญิงตระเวนเที่ยว โดยระบุข้อความว่า "มาโปรโมทงานให้น้องเณร รับงานเอนทุกอาราม
มีวิกทรงผมไห้เลือกก่อน เสื้อผ้าพร้อมทุกแนว กุฏิไหนสนใจทัก ID line ไปได้เลย ธุรกิจแดนสงฆ์ นรกก็แค่น้ำพริก"

ล่าสุดผู้สื่อข่าวช่อง 8 เดินทางไปเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่วัดแห่งหนึ่ง ตำบลเขื่อนผาก อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พบกับเจ้าอาวาสวัด เปิดเผยว่า สามเณรรูปนี้จำวัดอยู่ที่นี่จริง หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้เรียกสามเณรรูปนี้มาสอบถามถึงพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งยอมรับว่าเป็นภาพของสามเณรจริง โดยภาพผมยาวเป็นภาพก่อนบวช มีการตกแต่งภาพผ่านแอปฯ และโพสต์ลงโซเชียล ส่วนภาพที่สองในชุดพระสงฆ์เป็นภาพภายหลังจากบวช ซึ่งเจ้าตัวยอมรับผิดและขอโทษ

เจ้าอาวาสยังเปิดเผยอีกว่า กรณีภาพถ่ายแต่งหญิงถือว่าไม่มีความผิด เพราะสามเณรได้ทำการถ่ายภาพและโพสต์รูปนี้ตอนอายุ 15 ปี ก่อนที่จะมาบวชเณรเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งนี้

ส่วนรูปที่สอง ที่เห็นเป็นรูปสวมชุดพระสงฆ์มีจีวร และผ้าคลุมสีม่วงเป็นรูปหลังจากที่บวชเณรเรียบร้อยแล้วถือว่าเป็นความผิดสงฆ์ทางสงฆ์เรียกว่า "โลกวัชชะ" หมายโทษทางโลก, อาบัติที่เป็นโทษทางโลก จึงได้มีการว่ากล่าวตักเตือน เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ขึ้นอีก หากหลังจากนี้หากมีพฤติกรรมแบบนี้ หรือมีการกระทำความผิดแบบนี้อีกก็จะต้องลงโทษไปตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าว ได้สอบถามสามเณรรูปดังกล่าว เรื่องที่เพจนึงลงข่าวว่ามีการศัลยกรรมแต่งหญิงและออกเที่ยวกลางคืนเป็นความจริงหรือไม่ สามเณรบอกว่า “เรื่องศัลยกรรมยอมรับว่าเป็นความจริงแต่ศัลยกรรมก่อนที่จะมาบวชเณรแล้ว ส่วนเรื่องแต่งหญิงออกเที่ยวกลางคืนนั้นไม่เป็นความจริง”

หลังเกิดเหตุการณ์ตนได้เข้าไปดูรูปในเพจดังกล่าว ยอมรับว่ามีรูปของตนเพียงสองรูปเท่านั้นคือรูปที่แต่งหญิงและรูปที่สวมชุดสงฆ์ใส่หมวกสีเหลือง และผ้าคลุมสีม่วง ส่วนรูปอื่นๆ เป็นการนำภาพของบุคคลอื่นมารวมเข้ากับข่าวของตัวเองเพื่อให้เป็นข่าวใหญ่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการแต่งตัวในลักษณะนี้ ในฐานะสามเณรว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ สามเณรบอกว่า “อาจจะดูไม่งาม และอยากจะขอโทษที่ทำให้วัดและโรงเรียนเสียหาย ตอนนี้เครียดมาก เพราะใกล้จะจบ ม.6 แล้ว ส่วนเรื่องการพาผู้ชายมานอนที่กุฎินั้นไม่เป็นความจริงเพราะตนนอนกุฎิเดียวกันกับเจ้าอาวาสมีกล้องวงจรปิดอยู่หน้าห้อง และเจ้าอาวาสคอยดูแลสามเณรทุกคนที่อยู่ในวัด มีการปิดประตูวัด ในช่วงเวลาไม่เกินหนึ่งถึงสองทุ่มทุกวัน ไม่มีบุคคลอื่นเข้ามาในวัดอย่างแน่นอน”

โดยหลังจากนี้จะพยายามระมัดระวังตัวและประพฤติตนให้เหมาะสมตามที่ผู้ใหญ่ได้แนะนำ โดยจะตั้งใจเรียนให้จบ ม.6 หลังจากจบแล้ว อาจจะออกไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ซึ่งยอมรับ ว่าตนมีบุคลิกแบบนี้
อยู่ในฐานะคนปกติคงจะเหมาะสมกว่า