อดีตจ่าทหารเรือ ขอความเป็นธรรม เป็นแพะพรากผู้เยาว์ ต้องออกราชการ ติดคุก 8 ปี สุดท้ายเด็กออกมายอมรับแม่สั่งให้ชี้ตัว

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จ่าเอกเทียน อายุ 61 ปี อดีตทหารเรือ สังกัด กรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ กองทัพเรือ เดินทางเข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ หลังตกเป็นแพะในคดีพรากผู้เยาว์ ลูกสาวอดีตแฟนสาว จะถูกออกจากราชการ ติดคุกนาน 8 ปี สุดท้ายลูกสาวอดีตแฟนออกมารับสารภาพว่าที่ต้องให้การจนถูกจับติดคุกเนื่องจากแม่บังคับให้บอกตำรวจแบบนั้น

 

จ่าเอกเทียน เล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ตอนนั้นตนเองรับราชการเป็นทหารเรืออยู่ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้ว่าจ้างสมบัติ แม่ของเด็กมาทำบ้าน จนมีความสัมพันธ์กัน ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา 4-5 เดือน ตนเองทนพฤติกรรมของนางสมบัติไม่ได้เนื่องจากพบว่ามีการเสพยาเสพติด ตนจึงพยายามออกห่าง ซึ่งที่ผ่านมานางสมบัติได้พยายามตามตื๊อตนเองมาโดยตลอดแต่ตนเองตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง

 

ต่อมานางสมบัติ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตนไว้ที่ สภ.พลูตตาหลวง จ.ชลบุรี ในข้อหาพรากผู้เยาว์ ลูกสาว (ขณะนั้นอายุ 13 ปี ) ซึ่งตนได้ประกันตัวออกมาสู้คดีมาโดยตลอดจนถึงศาลฏีกา เพราะตนเองไม่ได้ทำสิ่งที่แม่เด็กกล่าวอ้างแม้แต่หน้าเด็กเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้า ผลการตรวจร่างกายเด็กก็ไม่พบคราบอสุจิในอยัยวะเพศ แต่พบว่ามีร่องรอยการฉีกขาดของอวัยวะเพศเท่านั้น รวมถึงตอนเกิดเหตุตนบ้านพักข้าราชการทหารในฐานทัพเรือสัตหีบ แต่ที่เด็กไปชี้คือบ้านพักของแม่เขาที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ระหว่างที่คบหากับแม่เด็กตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือน ไม่เคยเห็นลูกสาวคนคนที่เป็นคู่กรณี และแม่ก็เคยพามาที่บ้านพักข้าราชการ จนกระทั่งปี 58 ศาลมณฑลทหารบกที่ 14 ตัดสินจำคุก 24 ปี ได้ลดโทษเพราะไม่เคยกาะทำผิดเหลือ 16 ปี

 

ต่อมาหลังที่ตนเข้าเรือนจำไปแล้วนางสาวอำไพ อายุ 24 ปี ลูกสาวนางสมบัติ ได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาหน่วยของตน และให้การรับสารภาพว่าเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่เป็นความจริง นางสมบัติซึ่งเป็นแม่บังคับให้ตนเองกล่าวใส่ร้ายตน ด้วยตอนนั้นอายุเพียง 13 ปี ยังไร้เดียงสาแม่พูดอะไรก็ต้องทำตาม และที่ต้องออกมาพูดเพราะทนการถูกแม่ทำร้ายร่างกายไม่ไหว และอยากไถ่บาป

 

ตอนที่อยู่ในเรือนจำตนได้ทำเรื่องฎีกาขอความเป็นธรรมแต่ก็ไม่เป็นผล ตนเองต้องติดคุกในเรือนจำกลางชลบุรีนาน 8 ปี ได้อภัยโทษ 3 ครั้ง และพ้นโทษมามีนาคม ปี 2565

 

วันนี้ตนอยากออกมาขอความเป็นธรรม ถึงแม้จะถูกจับติดคุกไปแล้ว ถูกออกจากราชการ ถูกทนายหลอกว่าจะทำคดีให้ถึง 3 คน ต้องสูญเสียเงินจ้างไปนับแสนเอาที่ไปจำนอง ทุกวันนี้ต้องมาอาศัยบ้านญาตินอน ตอนนี้ลำบากมากแต่ก็อยากได้รับความเป็นธรรมกลับมาไม่ถูกตราหน้าว่าข่มขืนเด็ก

 

ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า ลักษณะคดีแบบนี้เคยมีมาแล้ว ถึงบอกว่าการสอบ ป วิอาญาต้องสอบด้วยความรอบคอบ สอบ ระมัดระวัง เรื่องนี้ต้องไปยื่นที่เริ่มต้นที่กระทรวงยุติธรรม และเชิญตัวน้องมาสอบปากคำว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นจริงตามที่เขาพูดว่าถูกบังคับให้พูด ก็ต้องมาสอบใหม่ทั้งกมดเพื่อคืนความเป็นธรรมให้จ่าทหารเรือท่านนี้