"บิ๊กโจ๊ก" กร้าวคดีรีดไถดาราสาวไต้หวัน ใครผิดให้เตรียมรับโทษ ไม่เว้นเจ้าทุกข์หากแจ้งเท็จ ย้ำต้องทำความจริงให้ปรากฏ ไม่มีละเว้น ไม่มีข้ออ้าง

จากกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวันโพสต์โซเชียล หลังมาเที่ยวประเทศไทย และอ้างว่าถูกตำรวจรีดไถเงินขณะตั้งด่านตรวจที่หน้าสถานทูตจีน ถนนรัชดาฯ เป็นเงิน 27,000 บาท ซึ่งล่าสุดตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้เรียกตัวคนขับรถแกร็บคาร์ และ คนขับรถแท็กซี่เข้าให้ปากคำแล้วนั้น

วันที่ 27 มกราคม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยในกรณีดังกล่าวว่า ได้สั่งการ พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งกรณีของดาราสาวไต้หวันนี้จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ หากพบว่าตำรวจมีการเรียกรับเงินจริง ก็ต้องโทษคดีอาญา รับความผิด แต่หากตรวจสอบแล้ว ไม่เป็นความจริงผู้แจ้งก็จะถูกตั้งข้อหา แจ้งความเท็จ เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศเป็นอย่างมาก และถึงแม้ตัวจะอยู่ที่ต่างประเทศตำรวจก็สามารถขอหมายจับ พร้อมประสานความร่วมมือกับสถานทูต หรือ สถานกงศุล ในการพาตัวมาดำเนินคดีได้ในภายหลัง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำคดีนี้ หากตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเช็คตารางการเข้าเวรของตำรวจก็ทราบแล้วว่าวันดังกล่าวมีใครเข้าเวรบ้าง และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะถูกลงโทษทางอาญาอย่างไม่มีละเว้น อีกทั้งยังต้องตรวจสอบด้วยว่าเหตุใดจึงปล่อยนักท่องเที่ยวไป เช่น กรณีไม่มีวีซ่า รวมถึงการมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศ หากมีการปล่อยไปจริงก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน รวมถึงหากอ้างว่าด่านใกล้เลิก จึงผ่อนผันไม่มีการจับกุมก็ไม่สามารถอ้างได้ เพราะตำรวจ 1 คน หากพบการกระทำผิด ต้องปฏิบัติหน้าที่ จะละเว้นการปฏิบัติไม่ได้ ในฐานะผู้บังคับบัญชาการกล่าวอ้างแบบนี้ ฟังไม่ขึ้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีข่าวเชิงลบกับวงการตำรวจอย่างมาก คนส่วนน้อยที่กระทำผิดสร้างความเสียหายให้คนส่วนใหญ่ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากพบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ จะต้องลงทัณฑ์ขั้นเด็ดขาด และในคดีนี้หากตรวจสอบแล้วไม่ว่าฝ่ายใดกระทำความผิดก็จะต้องลงโทษตามกฎหมายโดยทันที