"ทิพานัน" กราบลา "ลุงป้อม" จ่อตาม "ลุงตู่" เข้ารทสช. ขอบคุณทั้งสองที่ให้โอกาสทำงาน

วันที่ 16 ม.ค. 66 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงอนาคตทางการเมือง โดยระบุว่า

#การตัดสินใจ #ด้วยรักและด้วยความผูกพัน ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีความผูกพันกับพี่น้องประชาชน และพี่น้องชาวจอมทอง – ธนบุรี เป็นอย่างมาก ที่ให้โอกาสและลงคะแนนเสียงให้ จึงได้เข้ามาอยู่ในเส้นทางการเมืองนี้ เราต่างนึกถึงกัน ต่างช่วยเหลือกันในทุกวิกฤต จนก้าวผ่านพ้นมาได้

ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็ได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ในหลายด้าน รวมถึงหน้าที่ในการสื่อสารให้กับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับโอกาสในการติดตามลงพื้นที่ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดี ที่ พล.อ.ประวิตร ยึดมั่นเสมอมา

ส่วนด้านงานของรัฐบาล ก็ได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ปฏิบัติหน้าที่รองโฆษกรัฐบาล เพื่อสื่อสารข้อมูลต่างๆ ไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และได้มีวาระงานติดตามภารกิจของนายกฯ ไปในที่ต่างๆ เห็นถึงความตั้งใจของท่านที่จะพัฒนาในทุกด้าน เห็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เห็น “ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ทางด้าน น.ส.ทิพานัน ระบุว่า ดังนั้นการทำงานของอ้น นอกจากจะต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสอ้นมาอยู่บนเส้นทางการเมืองแล้ว ยังต้องขอบคุณทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นบุคคลสำคัญที่ให้โอกาสในเส้นทางการเมือง ได้มาทำงานเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน

แต่เมื่อทุกเส้นทางมักมีทางแยกให้ตัดสินใจ บริบทการเมืองและพรรคการเมือง กลับมาเป็น โจทย์ใหม่และใหญ่ให้ตัดสินใจเลือกเส้นทางอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

น.ส.ทิพานัน ระบุว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. 2566 จึงได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขอปรึกษาและขอคำแนะนำทิศทางอนาคตการเมือง ซึ่งภายหลังการพูดคุย พล.อ.ประวิตร ท่านเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และได้กรุณาให้คำแนะนำอย่างเมตตา จึงได้กราบลา พล.อ.ประวิตร เพื่อสานต่อตามความตั้งใจต่อไป

สุดท้ายนี้ ต้นกำเนิดบนเส้นทางการเมืองของ อ้น ทิพานัน ศิริชนะ คือ พรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือเสาหลักสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตาต่อสมาชิกพรรคทุกคน รวมถึงตัวอ้นเองด้วย ซึ่งก็เป็นความผูกพันและความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากความรู้สึกได้