"ธนกร" มั่นใจ คนไทยหนุน "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ อีกสมัย ชี้ผลงานเพียบ ที่สำคัญซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นในชาติ และสถาบัน ชูสานงานต่อทุกนโยบาย ทั้ง อีอีซี bcg ท่องเที่ยว สวัสดิการช่วยผู้มีรายได้น้อย แก้ปัญหาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน หากกลับมาเป็นรัฐบาลอีก

วันที่ 9 ม.ค. 2566 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากผลงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของรัฐบาล รวมถึงเสียงตอบรับของประชาชนจากการลงพื้นที่ในหลายจังหวัดที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่า การเลือกตั้งสมัยหน้านั้น ประชาชนจะยังคงไว้วางใจเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยอย่างแน่นอน ที่สำคัญ ที่ผ่านมาประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์คิดทุกนโยบายเพื่อคนไทยทุกคน ไม่เลือกว่าต้องเป็นจังหวัดที่เลือกท่านเท่านั้น เน้นทำงาน มากกว่าการตอบโต้การเมืองรายวัน เน้นแก้ปัญหามากกว่าแก้ตัวหรือสาดโคลนป้ายสีคนอื่น มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา และสถาบันเป็นที่ตั้ง ดังนั้น เชื่อว่าไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสังกัดพรรคการเมืองไหนก็ตามในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะได้รับความไว้วางใจ และเสียงตอบรับจากประชาชน ให้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้งอย่างแน่นอน

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้จริงใจและจริงจังกำหนดให้มีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้มีมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19 หลายมาตรการ โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งเป็นมาตรการที่ครองใจประชาชน สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้จริง ดำเนินการต่อเนื่องจนถึงระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 24.02 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 37,058.6 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้วางแผนการพัฒนาและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไปอีกด้วย หลากหลายโครงการสำคัญ ๆ เช่น การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างงานและยกระดับรายได้ของประชากร สร้างความมั่นคงทางสังคม สร้างความมั่นคงทางอาหาร สุขภาพและพลังงานในทุกระดับ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs โดยขับเคลื่อนทั้งระบบเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดยตั้งเป้าไทยเป็น Bio Hub of Asian ภายในปี 2570 ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ให้มีศักยภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) จะขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อตอบโจทย์ NET ZERO EMISSION โดยรัฐมีแนวทางส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศ ตามนโยบาย 30@30 รวมทั้งรัฐบาลได้มีโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ผลักดันการลงทุนนวัตกรรมใหม่ ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาและลงทุน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างรายได้ที่ยั่งยืน ยกระดับรายได้ให้กับประชาชนในประเทศ เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต การพัฒนาเมืองที่มันสมัย โดยความสำเร็จ 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2561ถึง 2564 อีอีซีเกิดการเติบโตที่ดีครบทุกมิติ ผลประโยชน์ตรงถึงประชาชน ได้มีการอนุมัติงบลงทุนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท และเป้าหมายของอีอีซีในช่วง 5 ปีต่อไป (2566-70) ตั้งเป้าหมายการลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท โดยจะมีเงินลงทุน EEC น่าจะขยายตัวได้ 7-9% ต่อปี

"เชื่อมั่นว่า หากท่านนายกฯ ได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้ง จะสานต่อทุกนโยบายที่ถูกใจประชาชน รวมถึงเพิ่มเติมนโยบายให้ครอบคลุมทุกความเดือดร้อนของประชาชนให้มากขึ้น ที่สำคัญ จะเน้นในเรื่องของสวัสดิการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาภาคเกษตร เพื่อให้ประเทศชาติพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน" นายธนกร กล่าว