พระแตกตื่น รีบตีกลองเคาะระฆังแต่เช้ามืด เรียกชาวบ้านช่วยดับไฟ หลังเกิดไฟไหม้ศาลาการเปรียญวัดวังน้ำขาว จ.กำแพงเพชร แต่ไม่ทันการณ์

วันที่ 20 ธ.ค. 2565 ชาวบ้านและพระสงฆ์ได้ถ่ายคลิปวินาทีเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญภายในวัดวังน้ำขาว ม.13 ต.ไตรตรึงษ์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเหตุการณ์เพลิงไหม้เกิดขึ้นช่วงเช้ามืด เวลา 04.10 น. ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ พระสงฆ์ภายในวัดได้รีบขึ้นไปตีระฆังและกลองเพื่อเรียกชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาระงับเหตุ โดยเพลิงได้ไหม้ศาลาการเปรียญอย่างรวดเร็วภายใน 20 นาที ขณะที่รถดับเพลิงจากเทศบาลอ่างทอง เทศบาลปากดง และพื้นที่ใกล้เคียง รีบระดมกำลังเข้าควบคุมเพลิง จนถึงช่วงสายของวันนี้

ต่อมาเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นศาลาการเปรียญ 2 ชั้น ถูกไฟไหม้ทั้งหลังเหลือเพียงเสา ยังมีซากของพระพุทธรูปในศาลาและเศษชิ้นส่วนต่างๆ โดยขณะเกิดเหตุมีช่างสร้างวิหารของวัด 2 คน นอนอยู่ใต้ถุนศาลา โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะที่มูลค่าความเสียหายครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

สอบถาม พระทรรศพล ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า เวลาประมาณตี 4 กว่าๆ ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น โดยพระในวัดที่เห็นเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ไปช่วยกันตีระฆังตีกลอง เพื่อเรียกชาวบ้านมาช่วยกับดับไฟ ซึ่งไฟน่าจะเริ่มลุกไหม้จากห้องเก็บของบนศาลา และลุกไหม้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 10-20 นาทีเท่านั้น ก็ไหม้วอดหมดทั้งหลัง ซึ่งศาลาดังกล่าวเป็นศาลาเก่าแก่สร้างตั้งแต่ปี 2518

ด้านนายมานิตย์ ต้องเชื้อ อายุ 57 ปี เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองนอนอยู่ใต้ถุนศาลา ประมาณตี 4 เกิดเหตุไฟไหม้ ฝ้าหลังคาร่วงหล่นลงมา ตนตกใจตื่นขึ้นมาก็เห็นไฟลุกไหม้แล้ว และไฟแรงมากไม่สามารถดับได้ทัน

ขณะที่ นายสมพงษ์ คงเมือง อายุ54 สมาชิก อบต.บ้านวังน้ำขาว เปิดเผยว่า ตนได้ยินเสียงพระเคาะระฆังและตีกลองช่วงเวลาประมาณตี 4 ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมพระตีกลองเช้าขนาดนี้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสโทรศัพท์เข้ามาหาตนพอดี จึงรีบเข้ามาดูเห็นไฟกำลังลุกไหม้ ชาวบ้านช่วยกันดับไฟ แต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้ทันเพราะเปลวไฟมีความรุนแรงมาก

 

สำหรับศาลาหลังดังกล่าว ภายในเก็บสิ่งของเครื่องใช้ ถ้วยชาม หม้อ พรมปูพื้น และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในศาสนพิธีและให้ชาวบ้านมาหยิบยืมไปในงานบุญ แต่ถูกเผาไปหมดเกลี้ยง โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วไม่สามารถดับได้ทัน ชาวบ้านและพระสงฆ์ในวัดได้แต่นั่งมองเสียดายกับการสูญเสียครั้งนี้ โดยศาลาการเปรียญดังกล่าวเป็นศาลาเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2518 รวมอายุกว่า 47 ปี และได้บูรณะทำใหม่เมื่อกลางปี 2563 ใช้งบกว่า 1,500,000 บาท แต่กลับมาถูกเพลิงไหม้วอดหมดทั้งหลังในครั้งนี้