ชายวัย 63 ปี นัดหญิงมาคุยเรื่องสินสอด ไม่รู้มีปัญหาอะไรกัน ฝ่ายชายใช้มีดแทงอก บีบคอสาวดับ ก่อนใช้ปืนยิงตัวตายตาม

 

วันที่ 10 ก.ย.65 ร.ต.อ.พงพันธ์ เขียวใส รอง สว.สอบสวน สภ.กุดรัง รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต ที่กระท่อมกลางทุ่งนา บ้านปอแดง ต.เลิงแฝก อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม จึงไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมกลางทุ่งนา พบศพนายทองไสย์ อายุ 63 ปี เสียชีวิตบนแคร่ไม้ไผ่ มีรอยกระสุนปืนที่ใต้ราวนมด้านซ้าย ใกล้กัน โดยมีปืนแก๊บวางอยู่บนแคร่และมีดปลายแหลม ด้ามหัก ห่างออกไปประมาณ 3 เมตร บริเวณคันนาพบศพนางกฤษณา อายุ 39 ปี เสียชีวิตอยู่พื้นดิน มีเพียงศีรษะจมน้ำ และมีรอยมีดแทงที่อกขวา ที่คอมีรอยช้ำ แพทย์เวร รพ.กุดรัง ชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นลงความเห็นว่า ผู้ตายเสียชีวิตจากการโดนบีบคอ และจับกดน้ำ ขาดอากาศหายใจ เบื้องต้น ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงได้มอบศพทั้ง 2 ราย ให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนา

นางพรพิมล อายุ 47 ปี พี่สาวนางกฤษณา เล่าว่า วันนี้นายทองไสย์กับน้องสาว คบกันมาประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งน้องสาวตนทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง จ.ขอนแก่น วันนี้ได้ขับรถเก๋งกลับมาบ้าน เนื่องจากนายทองไสย์ได้นัดมาที่บ้าน มาคุยกันเรื่องงานหมั้นงานแต่งงาน โดยมีค่าสินสอดเงิน 1 แสนบาท ทองอีก 1 บาท ก่อนถึงเวลานัด นายทองไสย์ ได้ขี่จักรยานยนต์มารับนางกฤษณา ออกจากบ้าน เพื่อจะคุยกัน 2 คน ที่กระท่อมนา หลังหายไปนานกว่าชั่วโมง มีผู้ใหญ่บ้านมาบอกว่านายทองไสย์ กับ นางกฤษณา เสียชีวิตแล้วที่กระท่อมนา จึงรีบออกมาดู ก็มาพบสภาพเป็นศพดังกล่าว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะอะไรกัน

ขณะที่นายสุริยา อายุ 37 ปี ลูกชายของนายทองไสย์ ซึ่งเป็นคนพบศพคนแรก เล่าว่า ได้ออกมาตามหาพ่อ เอะใจเนื่องจากหายไปนานแล้ว เมื่อมาถึงก็พบว่าพ่อเสียชีวิตบนแคร่ไม้แล้ว จึงได้ไปบอกผู้ใหญ้บ้าน ให้ช่วยประสานเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

นายสุริยา เล่าอีกว่า วันนี้พ่อได้มาขอสาว ก็ได้พูดเป็นลางๆว่า "สูพากันเบิ่งนา เบิ่งเฮือนเด้อ" ซึ่งที่ผ่านมา พ่อก็ไม่เคยเล่าปัญหาใดๆ ให้ฟังเลยเลย