"เลขาฯ สมช." คาด 1 ก.ค.นี้ คลอดแผนเร่งด่วน รับมือวิกฤตพลังงาน-อาหาร ยันเป็นหน้าที่ที่ต้องดูแล ไม่เกี่ยวฝ่ายการเมืองวิจารณ์ "นายกฯ" ไม่ไว้ใจ "รมว.พลังงาน"

 

วันที่ 23 มิ.ย. 2565 พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.เปิดเผย ถึงคำสั่งการของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ สมช.จัดทำแผนรับมือวิกฤตพลังงานและอาหาร ที่เป็นผลสืบเนื่องจากกระทบจากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในภาพรวม และทำให้เกิดเงินเฟ้อในปัจจุบัน

โดยระบุว่า กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวรัฐบาลมีความเป็นห่วง และหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้สั่ง ก็ได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรับมือในอนาคต โดย สมช.จะนำข้อมูลที่ได้จากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ พลังงาน รวมถึงสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำมาประเมินและจัดทำเป็นแผนระยะเร่งด่วน ที่จะเริ่มในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ระยะกลางคือไตรมาสแรกของปี 2566 และระยะยาวไตรมาสที่สองจนถึงสิ้นปี 2566 ที่จะเป็นรูปแบบข้อเสนอแนะ ติดตาม ประเมินผล ครอบคลุมด้านพลังงาน อาหาร รวมถึงด้านการเกษตร ทั้งมิติประชาชน ผู้ผลิตและผู้บริโภค ตลอดจนภาคเอกชนด้วย

โดยในอนาคตอาจจะมีการตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อจัดทำรูปแบบที่ทำงานคู่ขนานไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความพร้อมในการรับมือในอนาคต โดยที่ภารกิจงานจะไม่ซ้ำซ้อนกับกระทรวงต่างๆ ที่รับผิดชอบงานอยู่แล้ว อย่างกระทรวงพลังงาน รวมถึงสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ต่างก็มีภาระหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง ในขณะที่ สมช.ก็มีบทบาทสำคัญในการติดตามทุกเรื่อง ที่กระทบกับความมั่นคงของประเทศทุกรูปแบบ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อรับฟังข้อมูลเพิ่มเติม และจะเร่งจัดทำทั้งแผนระยะเร่งด่วนระยะกลางและระยะยาวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565

พลเอกสุพจน์ ยังระบุอีกว่าตนทำงานภายใต้สมช. เป็นเลขาฯ สมช. และเป็นประธานคณะกรรมการเตรียมพร้อมแห่งชาติ ไม่ว่าจะเกิดประเด็นอะไรที่กระทบความมั่นคง คณะกรรมการชุดนี้สามารถหยิบยกขึ้นมาดำเนินการได้ อนาคตอาจมีการตั้งอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อติดตามและทำข้อเสนอให้รัฐบาล

ส่วนรูปแบบการทำงานของ สมช.จะอยู่เหนือกระทรวงพลังงานหรือไม่นั้น พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า เป็นการทำงานคู่ขนาน เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำข้อมูลให้รัฐบาล ส่วนจะเสนอกฎหมายอะไรหรือไม่เพราะที่ผ่านมากระทรวงพลังงานข้อความร่วมมือเอกชนไม่ได้ พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า เสนอเป็นแนวทางได้ แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายที่มีและอำนาจตามกระทรวงที่รับผิดชอบ

ส่วนจะเสนอใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 หรือไม่
พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า พรบ.ความมั่นคงจะใช้เมื่อมีความจำเป็น ซึ่งน่าจะอยู่ในแผน พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการตรงนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกับ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน สภาพัฒน์ก็มานั่งคุยกัน แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็นำข้อมูลมาประเมินเพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต

ส่วนกรณี สส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่านายกรัฐมนตรีไม่ไว้ใจ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงต้องให้ สมช.มาดูเรื่องนี้นั้น พลเอกสุพจน์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เรื่องดังกล่าวถือเป็นหน้าที่ของ สมช.อยู่แล้ว ถึงแม้จะยังไม่กระทบถึงจุดที่มองว่ากระทบความมั่นคง แต่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้เตรียมความพร้อม