ฉาวหนัก! สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูร้องทุกข์ หลังพบเจ้าหน้าที่ยักยอกเงินไปกว่า 5 ล้านบาท แฉเหตุการณ์เกิดซ้ำ 2 รายแรกยักยอก 8 แสนไม่ดำเนินคดี

 

วันที่ 22 มิ.ย.65 รายงานข่าวแจ้งว่า เกิดเหตุเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งหนึ่ง ใน จ.แม่ฮ่องสอน ยักยอกเงินสมาชิกสมทบไปกว่า 5 ล้านบาท โดยความแตกหลังสมาชิกนำสมุดไปปรับบัญชีที่สหการณ์ออมทรัพย์ครูในตัวจังหวัด แต่ปรากฎว่าเงินหายไปจากบัญชี

โดยสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูดังกล่าว ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน กรณีที่มีเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ยักยอกเงินฝาก ที่สมาชิกนำฝากเข้าบัญชี แต่ปรากฏว่า ในบัญชีกลับมีเงินไม่ตรงกับที่ได้นำไปฝากไว้

สมาชิกที่นำเงินไปฝากส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งเป็นสมาชิกสมทบที่ฝากแต่ละครั้งหลายแสนบาท ช่วงแรกก็ไม่มีใครสงสัยเพราะแต่ละเดือนก็จะเบิกเฉพาะดอกเบี้ยมาใช้ พอนานเข้าจะนำสมุดคู่ฝากไปปรับยอดเงิน แต่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ประจำหน่วยก็บอกว่า ระบบการปรับบัญชีเสียไม่สามารถปรับได้ และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด จึงเกิดความสงสัยจึงไปขอปรับสมุดและตรวจสอบที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปรากฏว่า เงินในบัญชีของสมาชิกไม่ตรงกับที่ฝากไว้ รวมกันแล้วหายไปกว่า 5 ล้านบาท

สมาชิกสหกรณ์หลายคนบอกว่า เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยครั้งแรกมีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง ที่ทำงานอยู่ประจำหน่วยและยักยอกเงินสมาชิกประมาณ 8 แสนกว่าบาท และได้ออกจากการทำหน้าที่ไปแล้ว แต่สหกรณ์ก็ไม่มีการดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว และมีการรับสมัครคนใหม่เข้ามาทำงาน และกลับมาทำในลักษณะเดียวกันกับเจ้าหน้าที่คนก่อน ซึ่งทำมาแล้ว 3 - 4 ปี เป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท

สำหรับเจ้าหน้าที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูผู้ก่อเหตุ พบว่าเป็นผู้หญิง โดยรายงานข่าวแจ้งว่า เป็นคนชอบแต่งตัวโดยเอาเงินที่ได้ไปทำหน้าตาเสริมสวยและแต่งตัวซื้อของใช้ส่วนตัว

ขณะที่ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ (22 มิ.ย.65) มีความเคลื่อนไหวจากทางคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน โดยประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเร่งด่วนแล้ว

สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา 2 สัปดาห์แล้ว แต่ทางสหกรณ์ดังกล่าวพยายามที่จะปิดข่าว เนื่องจากหวั่นเกรงว่า ถ้าข่าวดังกล่าวออกไป แล้วสมาชิกเกิดความไม่เชื่อมั่นและอาจพากันมาถอนเงินออกจากสหกรณ์ได้ นอกจากนั้น มีสมาชิกสหกรณ์ครูหลายรายระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการพยายามปกป้องคนผิด ด้วยการจะยึดบ้านของคนที่กระทำความผิด แต่สมาชิกสหกรณ์ฯ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวมีราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท ขณะที่ยอดกระทำความผิดในการยักยอกทรัพย์สูงกว่า 5 ล้านบาท ตามหลักสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน จะต้องแจ้งความเพื่อดำเนินคดีผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ทันที ที่ทราบเรื่อง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้