"แอนชิลี" โดนดรามาผอมลง จนไม่ Real Size Beauty ตามคอนเซปต์ กระแสเงียบ เพราะเลือกรับงานจริงไหม ?

 

เรียกว่าถูกกระแสดรามา บุลลีเรื่องรูปร่างมาโดยตลอด สำหรับ "แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส" Miss Universe Thailand 2021 ซึ่งกว่าจะผ่านเรื่องนี้มาได้ก็ทำเอาเธอสภาพจิตใจย่ำแย่ไม่น้อย ล่าสุดดูเหมือนว่า แอนชิลี จะออกมาอวดหุ่นที่ดูผอมเพรียวลงเรื่อย ๆ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว จนทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเธอผอมลง จนไม่ Real Size Beauty ตามคอนเซปต์ วันนี้เรามีโอกาสได้เจอ แอนชิลี เธอเปิดใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า

กลับมาดูหุ่นเป๊ะขึ้นนะช่วงนี้?
-ใช่ค่ะ คือก็ได้กลับมาใช้ชีวิตในแบบที่มุมมอง ที่ใครไม่เคยเห็นก่อนประกวด เพราะว่าถ้าเรามีเวลาให้ตัวเองเราก็จะเปลี่ยนแปลง แต่มันเป็นฝั่งที่เราไม่เคยเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็น

แล้วที่ผอมจนเห็นซี่โครงมันจริงหรือเปล่า?
-คือมันยืดตัวค่ะ ก็อยากให้ดูว่าการถ่ายรูปอะไรมันก็เป็นเรื่องกันมุม เรื่องแสง และองค์ประกอบของรูปมากกว่า แต่จะบอกว่าไม่เคยแต่งรูป ไม่ผ่านแอปพลิเคชันนะคะ แบบเรียล ๆ เลยนะ

แต่มันดรามาว่าเราไม่ Real Size Beauty แล้วเหรอ?
-ก็ไม่เลยค่ะ ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าเรายังภูมิใจในร่างกายของเรา ไม่ว่าน้ำหนักขึ้นน้ำหนักลงก็เป็นในตัวของเราโดยธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องมันมีขึ้นมีลง แต่มันไม่ได้ด้อยค่าเราเลยนะ

คิดว่าช่วงนี้เราผอมลงไหม?
-อยากจะบอกว่าเสื้อผ้ามันก็เหมือนเดิมทุกอย่าง มันอาจจะดูแน่นขึ้นบ้าง แต่เรื่องเสื้อผ้าหรือเรื่องน้ำหนักกก็ยังเหมือนเดิม

คิดไหมทำไมมันกลายเป็นดรามาขึ้นมาได้?
-เข้าใจว่าเวลาเจอเรื่องอะไรในประเทศของเรา ก็จะมีคนตีความผิดเข้าใจผิด เราก็ปล่อยเขาไป แต่ถ้าเกิดเขารับฟังค่อยมาคุยกัน

รู้สึกยังไง กับคำว่า Real Size Beauty ของเราที่คนอื่นจับจองว่ามันไม่คงที่เลย?
-มันจะต้องใช้เวลาจริงๆ แต่เราเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่ถ้าคนจะพูดถึง Real Size Beauty จริงๆ จะทำให้คนคิดพิจารณาและช่วยแชร์ต่างๆ เพื่อจะให้เราช่วยคิดและพัฒนากับเรื่องนั้นมากกว่า มันก็เลยโชว์ว่าประเด็นนี้มันคือประเด็นที่สำคัญ

ตั้งแต่เรารับตำแหน่งมาทำไมรู้สึกว่าไม่ค่อยมีงานเลย?
-จะบอกว่าเรามีงานค่ะ เรามีงานทำเยอะมาก เดี๋ยวจะมีเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ ไปออกรายการด้วยอีกหลายอย่างที่กำลังจะตามมา แต่ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้โพรโมตงานขนาดนั้น

เพราะว่าเราเลือกงานหรือเปล่า?
-ไม่เลยค่ะ เรามีแนวที่เราอยากไปอยากรับงานที่เน้นเป็นการพูดคุยมากกว่า เป็นสไตล์ของเรา สิ่งที่เราถนัดและเก่งในแนวนั้น มันจะแล้วแต่งานนะ ทุกคนก็จะมีกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มทาร์เก็ตที่ต่างกัน

เราถนัดสายพูดคุยมากกว่าแนววาไรตี้ใช่ไหม?
-ก็เปิดใจนะคะ แต่ว่าเรารู้สึกว่าสายแข็งของเรามันเป็นการพูดคุยมากกว่า อย่างเดิมเราถนัดด้านภาษาด้วย เพราะเราฝึกฝนด้านการพูดมานาน ถ้าเรามาพูดคุยกับกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายแล้วก็สามารถที่จะพัฒนาและแชร์ความคิดได้ แล้วมันเป็นสิ่งที่เราชอบด้วย

ถ้าเป็นแฟน ๆ อยากให้มีงานในวงการบันเทิงล่ะ?
-มันก็มีค่ะ แต่อันนี้ไม่รู้ว่าเราสามารถจะพูดได้หรือยัง แต่ขออุบไว้ก่อนนะดีกว่านะคะ

รู้สึกยังไงกับกลุ่ม LGBTQ เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ออกมา Call Out เรื่องนี้ด้วย?
-เรารู้สึกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของเรา มันมีเส้นทางที่ยาวมากที่ยังต้องก้าวผ่าน แต่ว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราเชื่อว่า จริงๆ เเล้วมันยังมีคนไม่เปิดใจกับคนกลุ่มนี้เอาจริงๆ กลุ่มคนที่ซัพพอร์ตต้องออกมาพูดแล้วออกมาสร้างความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้ เพราะยุคนี้เป็นกลุ่มที่ซัพพอร์ตเราได้ดี

มีความสุขขนาดไหน กับการจัดกิจกรรมแบบนี้?
-เวลาที่เราอยู่กับกลุ่มนี้แล้วมีความสุขจริงๆ เวลาที่เราได้มาอยู่ในกลุ่มที่เค้าเปิดรับเรา ให้เราได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เราจะไม่รับได้ยังไง

ในเรื่องความเท่าเทียม เรามองว่ามันสำคัญไหม?
-เรามองว่ามันสำคัญนะ เราก็ต้องดูว่าทำไงให้มันมีความเท่าเทียม บางทีเราก็ต้องดูในหลายๆ ส่วน เพราะว่ากว่าจะได้ความเท่าเทียมนั้นมันยาก เพราะมันมีบางกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า ดังนั้นก็คือหลักเหตุและผลที่สำคัญ