“ชัชชาติ” เข้าทำเนียบครั้งแรกในรอบ 8 ปี พบ "นายกฯ" ก่อนร่วมประชุมศบค. ชุดใหญ่วันนี้(17 มิ.ย.) 

 

 

วันนี้มีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ จ่อคลายล็อคถอดหน้ากากอนามัยบางพื้นที่ โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายชัชชาติ สิทธิ พันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าร่วมประชุมด้วย

โดยก่อนการประชุม ศบค. จะเริ่มขึ้น พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำนายชัชชาติ พร้อมด้วย นายปรเมศวร์ เข้าพบนายกฯ ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี หลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ ใช้เวลาหารือ 20 นาที

มีรายงานว่าบรรยากาศในการพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง นายกฯ นายชัชชาติ และพลเอกอนุพงษ์ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ก่อนที่นายกฯจะเชิญทุกคนเข้าห้องประชุม ศบค.

ซึ่งภายในห้องประชุมมีหลายคนเข้าไปทักทายนายชัชชาติอย่างเป็นกันเอง หนึ่งในนั้นคือนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เดินมาทักทายและชนหมัดกับนายชัชชาติ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต้อนรับนายชัชชาติและนายปรเมศวร์ ซึ่งทั้ง2คนได้ลุกขึ้นสวัสดี และนายกรัฐมนตรี ได้นำปรบมือต้อนรับ

สำหรับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้าร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ ถือเป็นการกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลครั้งแรกของนายชัชชาติในรอบ 7-8 ปี

สำหรับการประชุมวันนี้จะมีการเสนอให้ยกเลิกสวมหน้ากากอนามัย ในสถานที่หรือกิจกรรมบางประเภทได้โดยสมัครใจ ภายใต้ข้อแนะนำด้านสาธารณะสุขอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับส่วนรวม

พร้อมทั้งจะเสนอให้มีการปรับมาตรการเข้าออกประเทศที่เกี่ยวข้องกับระบบ Thailand Pass ให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นให้สอดคล้องกับผลการประเมินที่พบว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก เพื่อเอื้อต่อการจูงใจนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีการประเมินสถานการณ์รอบ 10 วัน และสถานการณ์ภาพรวมที่ผ่านมา โดยจัดทำข้อเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณามาเป็นลำดับ ควบคู่กับนโยบายด้านการป้องกันการแพร่ระบาดที่กระทรวงสาธารณะสุขดำเนินการ​ โดยที่ประชุมจะมีการพิจารณาปรับให้มีการผ่อนคลายให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตและประกอบอาชีพได้ใกล้เคียงภาวะปกติให้มากที่สุดอย่างปลอดภัย

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอแผนการบริหารจัดการวัคซีนและมาตรการรณรงค์ให้ ประชาชนได้รับวัคซีนได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความปลอดภัยและไม่เจ็บป่วยรุนแรงเมื่อได้รับเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงแต่ละประเภทต่าง ๆ โดยการดำเนินการทุกอย่างต้องสอดคล้องกับการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันในทุกมิติ รวมทั้งแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-Pandemic หรือ โรคประจำถิ่น ซึ่งต้องมีการหารือในที่ประชุม