"เคน ธีรเดช" เผยแล้ว! ทำอย่างไรถึง "หล่ออมตะ" ในวัยเลข4 แถมตอบชัดหวงลูกชายไหม ในวัยที่กำลังเป็นหนุ่ม

 

ยังคงดูดีได้จนหลายคนต่างยกให้เป็นอีกหนึ่งในพระเอกหล่ออมตะ สำหรับ  "เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์" วันนี้มีโอกาสได้เจอเจ้าตัว เดี๋ยวไปถามเคล็ดลับในการดูแลตัวเอง พร้อมถามถึงน้องคุนและน้องจุนที่ตอนนี้เข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว โดยเจ้าตัวได้เผยว่า

มีเคล็ดลับความหล่อยังไงบ้าง ถูกดูดีอยู่ตลอดเลย?
-จริง ๆ คือต้องมีวินัยมาก คือการออกกำลังกายและการพักผ่อน เราจะให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมาก ด้วยวัยและด้วยกิจกรรมที่ผมทำตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นถ้าผมไม่แข็งแรงจะทำกิจกรรมเหล่านั้นไม่ได้เลย วันนี้อายุ 40 กว่าแล้ว ผมมองว่าถ้าเราอายุ 50 หรือ 60 ผมก็ยังต้องเล่นสเกตได้อยู่ เลยต้องออกกำลังกายไปเรื่อยๆ เน้นที่ความสม่ำเสมอและเน้นทำไปตลอด สิ่งที่สองคือการพักผ่อน เพราะเราทำงานหนักและออกกำลังกายเยอะ เพราะฉะนั้นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ปกติจะนอนเร็วอยู่แล้วถ้าไม่ได้ทำงาน อย่างเวลาสัก 3 ทุ่ม ก็จะเดินไปที่เตียงแล้ว จะไม่มานั่งเล่นโทรศัพท์ และเป็นคนตื่นเช้า 6 โมง ก็จะตื่นแล้ว

ในเรื่องของอาหารการกินมีส่วนด้วยไหม?
-มีส่วนครับ ส่วนตัวเป็นคนชอบกินนะ แต่ก็จะไม่ห้ามว่าตัวเองต้องไม่กินอะไร จะกินเป็นมื้อๆ อยู่แล้ว แต่ผมจะไม่กินหลัง 2 ทุ่ม เป็นกฎเหล็กเลย และผมก็จะไม่กินของหวานอยู่แล้ว คือกินได้ชิ้น 2 ชิ้น แต่ไม่ได้ติดของหวานก็โชคดีไปครับ

นอกจากการบำรุงด้วยครีมเป็นประจำแล้ว มีการดูแลอย่างอื่นด้วยไหม?
-มีครับ เดือนหนึ่งก็ทำทรีตเมนต์ประมาณ 2 ครั้ง ไปนวดหน้าบ้าง คือผมไม่ทนความเจ็บปวด (หัวเราะ) ทุกคนในคลินิกจะรู้ชื่อเสียงว่าพี่เคนคือถ้าเจ็บนี่กรี๊ดเลยนะ (หัวเราะ) อย่างช่วงเวลาที่ผมต้องทำงาน ก็จะไปทำ แต่ถ้าเป็นช่วงพักงานก็จะไม่ได้ไป คนเรามันต้องแก่ขึ้นถูกป่ะ แต่ว่าเราแก่ยังไงให้ดูดีตามวัยมากกว่า

แบบนี้คุ้นชินกับที่หลายคนบอกว่าเรา “หล่ออมตะ” บ้างไหม?
-ก็ไม่ได้คุ้นชิน แต่ก็รู้สึกดี อย่างที่บอกการออกกำลังกายและการพักผ่อนทำให้มันเป็นไลฟ์สไตล์มากกว่า คือไม่ใช่ว่าทำเพื่อจะเล่นละครเรื่องนี้ แต่พอละครจบแล้วเราไม่ทำ มันไม่มีประโยชน์เพราะเราทำแค่ช่วงหนึ่ง แต่เราจะไม่ทำอะไรที่หักโหม แต่จะทำอะไรที่ทำได้จริงๆ ทำได้ทุกวัน และทำไปได้ตลอดชีวิต คือจะทำให้มันเป็นไลฟ์สไตล์ของเราครับ

มาถึงลูกชาย 2 คน ตอนนี้ “น้องคุน-น้องจุน” โตเป็นหนุ่มแล้ว เป็นยังไงบ้าง ต้องเตรียมรับมือมั้ย?
-ต้องบอกว่าง่ายมากครับ ยิ่งโตยิ่งสบายใจ ช่วงเด็กๆ คือเหนื่อยมากจริงๆ เพราะเป็นช่วงที่เราไม่อยากทำงานเลย เพราะทำหน้าที่คุณพ่อแบบเต็มเวลาจริงๆ ครับ จนวันนี้ผ่านจุดนั้นมาหมดแล้ว สิ่งที่เราได้รับจากความได้ใกล้ชิดกับพวกเขาเยอะ ทำให้เราสื่อสารได้ง่ายกันมาก ตอนนี้เหมือนเพื่อนกัน เขาไม่สร้างปัญหาให้กลุ้มใจ ทำให้เราออกมาทำงานได้อย่างสบายใจและไม่ต้องไปกังวลเขาในช่วงวัยรุ่น ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ให้เวลากับเขาอย่างเพียงพอเต็มที่จริงๆ ตอนนี้พยายามให้พวกเขาได้ทำในสิ่งที่ชอบ จะบอกเสมอว่าเขาชอบอะไร อยากให้เขามีแรงบันดาลใจ อย่างเรื่องเรียนผมไม่ได้มาแบบต้องได้เกรดเท่าไหร่ เราเอาประสบการณ์จากเราเป็นหลัก คือเด็กๆ ผมก็ไม่ได้เป็นคนเรียนเก่ง สุดท้ายพอเราเจอสิ่งที่เราอยากทำนั่นแหละ จะเป็นสิ่งที่พาเราไปจุดนั้นจุดนี้ได้เอง

ลูกชายทั้ง 2 คน มองแล้วพอจะมีแนวทางไปในทางไหน?
-เขาก็ยังเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ คนพี่คือเขาจะเรียนแบบไม่มีการบ้าน อย่างเทอมนี้น้องคุนต้องเอาโพรเจกไปเสนอครู สมมติอยากทำเรื่องเกม เขาก็จะไปศึกษาเรื่องนั้น ครูก็จะถามว่าทำไมถึงอยากทำเรื่องนี้ ก็จะเสนอจนกว่าจะผ่าน ครูถึงจะอนุมัติให้ทำโพรเจนี้ได้ ผมว่ามันเหมือนทำให้เด็กเป็นสตาร์ตอัป ได้ทำงานจริงๆ มีความมั่นใจที่จะไปพูด ไปหาข้อมูลมากกว่าที่จะมานั่งคิดเลข กับสิ่งที่เขาไม่ได้อินตรงนั้นครับ

น้อง ๆ มีมาปรึกษาเรื่องสาวๆ บ้างมั้ย?
-เดี๋ยวแม่เขารู้ (ยิ้ม)

มีคุยกับ “พี่หน่อย” บ้างมั้ย ถ้าวันนึงลูกๆ เราจะต้องมีแฟน?
-คือเราไม่มีปัญหาเลย คุณหน่อยก็ไม่มี แต่ก็ความแม่เนอะจะนิดนึง เขาก็จะหวงลูกชาย ก็จะมีถามแบบว่าคนนั้นใคร จริงๆ ก็เพื่อนๆ เขานี่แหละ บางทีเราก็ถาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราถามเสไปแล้วจะตอบมาทุกเรื่อง ถ้าวันหนึ่งเขาอยากจะเล่า เขาจะเดินมาหาเราเอง จะเป็นอย่างนั้นมากกว่า

ถามถึงบ้านที่เราปลูกไว้ที่ประเทศญี่ปุ่นหน่อย ตอนนี้เป็นไงบ้าง?
-ไม่ได้ไปเลยครับ โควิดครับทำอะไรไม่ได้เลย พอเรามาทำละครก็เลยไม่ได้คิดเรื่องเที่ยวเลย รอให้โพรเจกละครซุปตาร์ 2550 จบก่อน สิ้นเดือนหน้าก็น่าจะจบแล้ว ก็เป็นเรื่องของตัดต่ออีก บ้านที่ญี่ปุ่นก็มีคนดูแลครับตอนนี้