ผู้นำสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) เห็นพ้องในหลักการเพื่อตัดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียลง 90% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือเป็นการตัดแหล่งเงินทุนสำคัญของรัสเซียที่ใช้ในการบุกยูเครน

ท่าทีของผู้นำอียู มีขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอียู วาระพิเศษ ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 65) โดยที่ประชุมสามารถบรรลุข้อตกลงประนีประนอมกับฮังการี ซึ่งเป็นประเทศหลักที่คัดค้านการแบนนำเข้าน้ำมันทั้งหมดของรัสเซีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเลและยังต้องพึ่งพิงน้ำมันที่ส่งผ่านท่อจากรัสเซีย ขณะที่นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บัน ของฮังการี ยืนกรานคัดค้านการแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซียอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะจะส่งผลทำลายเศรษฐกิจของประเทศตน

ชาร์ลส มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรปกล่าวว่า ข้อตกลงแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซียดังกล่าว จะมีผลครอบคลุมสัดส่วนน้ำมันที่นำเข้าจากรัสเซียมากกว่า 2 ใน 3 ในทันที และเป็นการเพิ่มแรงกดดันขั้นสูงสุดต่อรัสเซียเพื่อให้ยุติการทำสงคราม

สำหรับอัตรานำเข้าน้ำมันจากรัสเซียที่ยังเหลืออยู่ 10% นั้น จะเป็นการยกเว้นให้แก่ฮังการี สโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งยังต้องพึ่งพิงน้ำมันจากรัสเซียและยังไม่สามารถหาแหล่งเชื้อเพลิงมาแทนที่ได้

ทั้งนี้ การแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและราคาพลังงานของยุโรป ที่เผชิญวิกฤตค่าครองชีพและภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้ว

ขณะที่การแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซียครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบที่ 6 โดยรวมถึงการตัดธนาคาร สเบอร์แบงก์ (Sberbank)ธนาคารใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ออกจากระบบสวิฟต์ (SWIFT) ซึ่งเป็นระบบการเงินหลักของโลกด้วย