ลูกต้องกำพร้า! หญิงวัย 37 ยอมรับขโมยขนมปังจริง แต่ปฏิเสธทำร้ายร่างกาย อ้างต้องการแค่ขู่เท่านั้น ส่วนลูกต้องให้ไปอยู่กับยายก่อน ฟากยายห่วงเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ เผยพ่อก็ติดคุกคดีฆ่าคนตาย

 

วันนี้ (15 ม.ค. 2565) พนักงานสอบสวน สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี นำตัว นางสุธาริน หรือรุ้ง กลิ่นแก้ว อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาคดี "ลักทรัพย์ และพยายามฆ่าผู้อื่น" มาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัว แต่เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นหญิงจึงต้องนำตัวส่งทัณฑสถานหญิง เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

สืบเนื่องจาก กรณีที่นางสุธาริน พาลูกชาย 2 คน เข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์เป็นขนมปัง เยลลี และน้ำอัดลม มูลค่า 59 บาท ในร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แต่พนักงานร้านสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ระหว่างรอตำรวจมารับตัว นางรุ้ง ได้คว้าอาวุธมีดที่อยู่ในชั้นขายของ แทงชายโครงซ้าย น.ส.บุษบา อายุ 23 ปี พนักงานของร้านได้รับบาดเจ็บเพื่อเปิดทางหลบหนี

ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางแม่นาง สามารถตามจับกุมตัวนางรุ้งได้ที่สถานีบริการน้ำมัน ซอยเพชรเกษม 81 หลังหลบหนีมาทำงานเป็นพนักงานที่ปั๊มดังกล่าว โดยนางรุ้ง รับสารภาพอ้างว่า วันเกิดเหตุได้พาลูกชาย 2 คน มาหาสามีใหม่ที่บ้านใกล้กับที่เกิดเหตุ ลูกชายบ่นว่าหิวข้าว แต่ไม่มีเงิน จึงตัดสินใจเข้าไปขโมยขนมปังและน้ำอัดลมเพื่อเอามาให้ลูกกิน ขณะกำลังออกจากร้าน ถูกพนักงานจับได้ จึงให้ลูกกลับไปที่บ้านสามี เพราะไม่อยากให้ลูกรู้ ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในร้าน เห็นมีดปลอกผลไม้วางอยู่ที่ชั้นขาย จึงหยิบมีดมาแค่ต้องการขู่ให้พนักงานเปิดทางเพื่อหลบหนี ไม่ตั้งใจจะแทงให้พนักงานได้รับบาดเจ็บ

นางรุ้ง ยอมรับว่า เข้าไปขโมยของในร้านสะดวกซื้อจริง แต่ที่ทำร้ายพนักงานนั้นขอปฏิเสธ เนื่องจากต้องการจะขู่เพื่อขอออกจากร้าน จังหวะที่แทงก็ไม่ทราบว่าไปโดนพนักงาน ส่วนลูกตอนนี้ให้ไปอาศัยอยู่กับยายก่อน

ทั้งนี้ พ.ต.อ.รณภัฎ ทับทิมธงไชย ผกก.สภ.บางแม่นาง ชี้แจงกรณีที่ตำรวจแจ้งข้อหาพยายามฆ่า จนโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่ เพราะสิ่งที่ลักขโมยมามีราคาเพียงแค่ 59 บาทว่า ประเด็นที่พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มอีกข้อหาหนึ่งนั้น เนื่องจากมีพยานหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดชัดเจนที่ผู้ต้องหาเข้ามาทำร้ายพนักงานด้วยอาวุธมีด โดยพนักงานคนที่ถูกทำร้ายก็เข้าไปรักษาที่ รพ.มีเอกสารใบแพทย์ยืนยันว่าถูกทำร้ายจริง ส่วนพฤติกรรมของผู้ต้องหานั้น มักจะก่อเหตุในลักษณะแบบนี้มาหลายครั้งแล้วในหลายพื้นที่ แต่ไม่เคยมีผู้เสียหายมาแจ้งความ แต่ครั้งนี้มีการทำร้ายร่างกายกันซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเขามาแจ้งความเอาไว้

สำหรับเด็กชาย อายุ 13 ปี และเด็กชาย อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นลูกของผู้ต้องหา ต้องไปอยู่กับ นางอโณทิพย์ โอ้นุช อายุ 69 ปี ยายของเด็กทั้งสองคน ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยวัดลาดปลาดุก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยนางอโณทัย มีอาชีพเก็บของเก่าขายมีรายได้เดือนละ 1,500 บาท และเป็นแม่บ้านได้อาทิตย์ละ 1,000 บาท โดยมีลูกชายอีกคนที่ป่วยเป็นเบาหวานอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ ลูกสาวคนโตของผู้ต้องหา คือ น.ส.แก้ม อายุ 18 ปี ได้มาขออาศัยอยู่ด้วยเมื่อ 2-3 วันก่อน ทั้งหมดอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาด 3 เมตรคูณ 4 เมตร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการเช่าเดือนละ 1,800 บาท ค่าน้ำค่าไฟอีกรวมประมาณ 2,800 บาท

นางอโณทิพย์ กล่าวว่า ลูกเขยคนใหม่เป็นผู้โทรแจ้งข่าวให้ทราบ ส่วนตัวพยายามบอกให้ลูกมอบตัว แต่ลูกสาวไม่ยอม จะหนี จากนั้นมาทราบข่าวเมื่อคืนประมาณ 22.00 น. ว่าลูกสาวถูกจับ ซึ่งลูกเขยบอกให้หาเงิน 20,000 บาท ไปประกันตัว แต่ก็ไม่มี ก่อนที่ลูกสาวจะโทรมาหาบอกให้เอาหลานสองคนมาอยู่ด้วย ก็ต้องรับไว้ไม่งั้นเด็กสองคนจะไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้เป็นห่วงเรื่องโรงเรียนของทั้งสองคน เพราะคนโตเรียนแค่ ป.2 คนเล็กไม่ได้เรียนเลย ก็อยากให้เขาได้เรียนใกล้บ้าน เพราะไม่มีเงินจะส่งไปเรียนที่ห่างไกล ก่อนหน้านี้ มีเจ้าหน้าที่ พม.จ.นนทบุรี เข้ามาตรวจสอบเก็บประวัติไป และจะจัดการเรื่องเรียนและมีเงินเยียวยาให้เด็กคนละ 1,000 บาท ส่วนเรื่องอาหารการกินตอนนี้ยังพอมีอยู่ แต่ต่อไปก็ต้องคอยคิดว่าจะหาจากที่ไหน สำหรับพ่อเด็กทั้งสองคนตอนนี้ติดคุกที่ จ.นครปฐม ในข้อหาฆ่าคนตาย เด็กจึงไม่มีที่อยู่