ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศมติ ครม.ขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถึง 31 ม.ค.2565 สกัด 'โอมิครอน' หลังยุโรปกลับมาระบาดหนัก

 

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 15) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 34 ออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 นั้น

สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างทั่วถึงและต่อเนื่องกอปรกับรัฐบาลให้ความสำคัญแก่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสาธารณสุขควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ระบบเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะมาตรการเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในทวีปยุโรปกลับมามีการระบาดอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งจากสายพันธุ์ 'โอมิครอน' ที่ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า ประกอบกับประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการระบาดของเชื้อได้ง่าย และในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมีการรวมตัวและการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยทำให้ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในบริเวณพื้นที่ชายแดนรุนแรงมากขึ้น กรณีจึงจำเป็นที่จะต้องคงไว้ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติและชีวิตประชาชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2564 จนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2565 ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2564