วันนี้ (29 พ.ย. 2564) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 378,791 คน ตายเพิ่ม 4,138 คน รวมแล้วติดไปรวม 261,737,293 คน เสียชีวิตรวม 5,216,801 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน สหราชอาณาจักร รัสเซีย ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 95.67 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น ร้อยละ 94.9 ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นมากถึงร้อยละ 69.75 ของทั้งโลก พอ ๆ กับจำนวนเสียชีวิตเพิ่ม ที่คิดเป็นร้อยละ 61.23
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 12 ใน 20 อันดับแรกของโลก
สำหรับสถานการณ์ไทยเรา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 5,854 คน สูงเป็นอันดับ 16 ของโลก หากรวม ATK อีก 1,622 คน จะขยับเป็นอันดับ 15 ของโลก ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากตุรกีและเวียดนาม

อัปเดตจากองค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับ 'โอมิครอน' (Omicron) เมื่อคืนนี้ องค์การอนามัยโลกออกประกาศล่าสุด สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1.ยังต้องการข้อมูลวิจัยเพิ่มเติมว่า โอมิครอนจะมีศักยภาพในการแพร่เชื้อติดเชื้อ รวมถึงความรุนแรงของโรค และเรื่องการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ว่าจะแตกต่างจากสายพันธุ์ที่เราเจอมาก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยในปัจจุบันพบว่ามีการแพร่ระบาดขยายตัวในทวีปแอฟริกามากขึ้น และพบในประเทศอื่น ๆ ด้วย

2.ข้อมูลปัจจุบันพบว่า โอมิครอนนั้นทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อในคนที่เคยเป็นโรคโควิดมาก่อน มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ (Re-infection)

3.การใช้สเตียรอยด์ และ IL6 receptor blockers ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยที่รุนแรง

4.การตรวจด้วยวิธี RT-PCR ยังสามารถใช้ตรวจสายพันธุ์นี้ได้ และห้า การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องใส่หน้ากาก เปิดหน้าต่างระบายอากาศในสถานที่เราอยู่ ล้างมือ เว้นระยะห่างจากคนอื่น หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่ที่แออัดหรือระบายอากาศไม่ดี รวมถึงการไปฉีดวัคซีนด้วย

ข่าวเช้านี้จากสำนักข่าวซินหัว แจ้งว่า แคนาดาก็พบเคสติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 2 คน หากติดตามจะพบว่าตอนนี้ดูเหมือนจะกระจายไปทั่วแทบทุกทวีป ทั้งแอฟริกา ยุโรป เอเชีย โอเชียเนีย และอเมริกาเหนือ ยังขาดแต่อเมริกาใต้

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า แต่ละประเทศอาจมีสายพันธุ์นี้อยู่ได้ การป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตรนั้นสำคัญมากครับ และที่สำคัญที่สุดคือ การทบทวนนโยบายและมาตรการระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการกักตัว 14 วัน การตรวจด้วย RT-PCR ในผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศ การขยายศักยภาพของระบบการตรวจ รวมถึงเตรียมทรัพยากรในระบบเพื่อรับมือกับการระบาดที่จะปะทุขึ้นมาจากเดิม

ด้วยรักและห่วงใย