ศิลปินดาราจากอาร์เอส และ ช่อง 8 ร่วมกิจกรรม 'พายคายัค รักษ์คลอง' เก็บขยะ 3 คลอง รวมระยะทาง 10.78 กิโลเมตร เพื่อร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ

 

เช้าวันนี้ (28 พ.ย. 2564) เขตจตุจักร ได้จัดกิจกรรม "พายคายัค รักษ์คลอง" เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเป็นการรวมตัวของเหล่านักพายคายัคที่ใหญ่ที่สุด พร้อมใจกันผนึกกำลัง ร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ ด้วยการพายเรือคายัคเก็บขยะตลอด 3 คลอง ได้เเก่ คลองลาดพร้าว, คลองบางเขน และคลองเปรมประชากร รวมระยะทาง 10.78 กิโลเมตร ภายในงานก็ได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่ ศิลปิน ดารา เเละอาสาสมัครจากฝ่ายต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

โดยมี นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเปิดงาน พร้อมโบกธงปล่อยตัวเหล่านักพายเรือ เพื่อทำการเก็บขยะตลอดลำคลอง เเละได้ให้สัมภาษณ์ว่า "จุดประสงค์ในวันนี้ก็คืออยากให้ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร ภาครัฐ หรือเอกชน ได้มาใส่ใจให้ความสำคัญกับเเม่น้ำลำคลอง เเละวันนี้ก็มีกิจกรรมดี ๆ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาคลองให้กลับมาใสสะอาด เเละจะมีการย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำพื้นที่ลงไปในคลอง เพื่อคืนทางน้ำให้ใช้งานได้ทุกคลอง ด้วยเส้นทางนี้ทางกรุงเทพจะมีเเผนการทำเส้นทางเดินเรือในอนาคต เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายขนส่งมวลชนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพราะจะได้ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางสะดวกมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหามาจากบ้านเรือนที่ใช้ชีวิตติดลำคลองจะทำการทิ้งขยะลงไป จะเห็นได้จากตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ วันนี้เลยจะเป็นการประชาสัมพันธ์พร้อมเป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้ประชาชนได้ตระหนักว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันมีผลกระทบจริง ๆ เพราะปัญหาที่เห็นอย่างง่าย ๆ เลยคือ ถ้าเป็นขยะชิ้นใหญ่ก็จะมีการไปขวางทางน้ำ กระทบกับระบบการระบายน้ำในกรุงเทพจนเกิดเสียหาย เเต่ถ้าชิ้นเล็ก ๆ ก็เกิดการสะสมทำให้เกิดการตื้นเขินเเละเกิดกลิ่นเน่าเหม็น หลังจากนี้ไปอยากให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการย้ายสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำอยู่ เเละจะมีการสร้างเขื่อนเพื่อจะมีการขุดลอกคลองต่อ อยากจะขอร้องให้ประชาชนทุกคนอย่าทิ้งขยะลงไปจนเกิดเป็นการสะสม ทุกคนต้องช่วยกันรักษา ไม่ใช่ว่าทางกรุงเทพจะทำได้อย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนด้วย

ด้าน ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หัวหน้าชมรมนิยมพาย) ได้เผยเช่นกันว่า "มีเป้าหมายที่อยากให้คลองในกรุงเทพฯ กลับมาสะอาดอีกครั้ง เพียงเเค่ขอความร่วมมือว่าให้เลิกทิ้งขยะทำให้เกิดน้ำเสีย คาดว่าประมาณ 1-2 ปี น้ำที่จะมาใหม่จะมาเเทนที่น้ำเสียนี้ทั้งหมด ขอเเค่หยุดทิ้งขยะเพื่อทำลายน้ำให้เกิดความเน่าเสีย เเละกิจกรรมวันนี้คือ จะเป็นการเก็บขยะตามลำคลอง เเต่ขยะเหล่านี้เก็บยังไงก็ไม่มีทางหมด ถ้าหากยังมีการทิ้งกันต่อเนื่อง การเก็บครั้งนี้เพื่อเชิญชวนคนกรุงเทพที่อยู่ริมคลองให้เลิกทิ้งขยะลงเเม่น้ำลำคลอง ซึ่งวันนี้ได้ดำเนินการทั้งหมด 3 คลอง คือเริ่มต้นที่คลองลาดพร้าว ต่อด้วยคลองบางเขน เเละจบที่คลองเปรมประชากร ด้วยระยะทาง 10 กว่ากิโลเมตร

วันนี้ไม่ได้เเข่งความเร็วเเต่เป็นการเเข่งการเก็บขยะ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากเพราะมีคนมาร่วมงาน 100 กว่าคน เพราะไม่มีงานใหญ่เเบบนี้มาก่อนในกรุงเทพฯ ครั้งก่อนหน้านี้ได้อย่างมากก็เเค่หลักสิบ ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นพลังของทุกคนที่จะช่วยกันเปลี่ยนลำคลองให้กลับมาใสอีกครั้ง เเละปัญหาส่วนใหญ่มาจากคนทิ้ง เเต่ขอเพียงเเค่หยุดทิ้งจะทำให้การเก็บครั้งต่อไปเป็นการเก็บครั้งสุดท้าย เพราะ 90% เป็นการทิ้งโดยเจตนา มีเเค่ 10% เท่านั้นที่มาจากส่วนอื่น ขอเพียงหยุดทิ้งหยุดปล่อยน้ำเสีย ฉายาเวนิสตะวันออกเเละคลองกว่า 600 คลอง จะกลับมาใสสะอาด เเละจะกลายเป็นต้นทุนของเมืองหลวง จะเป็นที่ท่องเที่ยว เพราะยิ่งมีขยะก็จะทำให้คลองน่าเกลียด ไม่สวยงาม เเละเกิดมลภาวะทางสายตาเเละทางสุขภาพ ความจริงเเล้วกฎหมายก็มีอยู่ว่าถ้าทิ้งขยะลงเเม่น้ำลำคลองโทษสูงถึง 10,000 บาท เเต่ไม่มีการปรับใช้เลย เกิดความเคยชิน เเต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยทิ้งเเล้ว คนส่วนน้อยจะเป็นคนทิ้งมากกว่า

วันนี้ คือการลุกขึ้นมาบอกว่า อย่าทิ้งขยะลงคลองในกรุงเทพ เเต่ที่สำคัญคือต้องไม่ควรทิ้งทั้งหมดในประเทศไทย ยิ่งเรามีต้นทุนคือเเม่น้ำลำคลองที่มากมาย ซึ่งในยุคเก่าปู่ย่าตายายก็ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ คลองคือสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของเรา เเนวทางการเเก้ปัญหาที่ยั่งยืนคือมี 2 ส่วน คือ ทั้งภาครัฐเเละเขตต่าง ๆ ในกรุงเทพ เเละถ้า 50 เขต ในกรุงเทพ ตื่นตัวที่จะทำให้ทุกคลองกลับมาดีอีกครั้งหนึ่ง เเต่ถ้าการเก็บขยะบ่อยเเค่ไหนก็ไม่มีทางสำเร็จ ถ้าประชาชนไม่หยุดทิ้งขยะ เพียงเท่านี้ไม่เกิน 2 ปี คลองทุกคลองในกรุงเทพจะกลับมาใสอีกครั้งเเน่นอน"  อ.ปริญญา กล่าว


ขณะที่ นิธิกานต์ จิตเจริญ ผู้อำนวยการสายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท อาร์เอส กรุ๊ป ได้กล่าวถึงกิจกรรมครั้งนี้ว่า "ตั้งเเต่บริษัทได้ย้ายมาอยู่ตรงเขตนี้ ก็มีการทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด ซึ่งก็เป็นความมุ่งมั่นของอาร์เอสที่จะดูเเลเรื่องสวัสดิภาพเเละคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนรอบข้าง ซึ่งตอนนี้ก็ได้ร่วมมือกับเขตจตุจักร ดูเเลเรื่องความสะอาดของเเม่น้ำลำคลองเเละสิ่งเเวดล้อมโดยรอบ เพราะบริษัทก็อยู่ติดกับคลองในเขตนี้เหมือนกัน เเละยังมองว่า คลองเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการคมนาคมหรือสาธารณสุข เเต่ถ้าเราดูเเลคลองได้ดีมันก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับชุมชนในเรื่องความสะอาด ซึ่งการที่มาทำงานตรงนี้เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันรักษาเเม่น้ำลำคลอง ทุกวันนี้ทางบริษัทอาร์เอสเองก็ได้มีการให้ความร่วมมือกับเขตมาโดยตลอด ทั้งการลงพื้นที่ดูเเลจัดกิจกรรมเเละสนับสนุนเงินทุนต่าง ๆ ดังนั้น ถ้ามีกิจกรรมดี ๆ เช่นนี้อีก ทางบริษัทก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ส่วนความต่อเนื่องคือ ทางบริษัทเน้นให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง จุดประสงค์คืออยากให้ทุกคนเกิดความสำนึกกับสิ่งเเวดล้อมเพราะเป็นสิ่งสำคัญ โดยอยากให้ตระหนักถึงความสำคัญในส่วนนี้ด้วย

ในส่วนของทีมศิลปิน-ดารา จากอาร์เอสเเละช่อง 8 นำโดย "โอห์ม ฐิติวัฒน์ , เทียน อัจฉรี , ภูมิ ภูริพันธ์ , เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม เเละ ธัญญ่า อาร์สยาม" ทั้ง 5 คน ก็ได้เผยความรู้สึกหลังร่วมกิจกรรมว่า "วันนี้พวกเราทุกคนก็ได้มาร่วมทำความดี เพื่อคืนคุณภาพให้กับเเม่น้ำลำคลอง ซึ่งพวกเราทุกคนก็ได้ร่วมพายเรือพายัคร่วมกับเหล่าอาสาสมัครเก็บขยะกันด้วย ถือว่าสนุกมาก เเละได้ทำความดี ที่หวังว่าอนาคตเเม่น้ำลำคลองจะกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งพอได้ร่วมกิจกรรมนี้ก็ได้เห็นชัดเจนถึงปัญหา เลยอยากฝากบอกว่าช่วยกันรักษาสิ่งเเวดล้อม เพราะถ้าเราทิ้งขยะลงไปมันก็เกิดความสกปรกมาก เกิดการเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นเเละไม่น่ามอง พร้อมอยากฝากประชาสัมพันธ์ว่า สิ่งพวกนี้จะต้องอยู่กับเราไปตลอด เห็นได้จากการที่ประชาชนใช้ชีวิตริมคลองเเต่ต้องมารับมลพิษที่ไม่ดี การพูดกันวันนี้ของพวกเราถือว่าเป็นเเค่กระบอกเสียงเล็ก ๆ เเต่สิ่งสำคัญคืออยากให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะสิ่งที่พวกเราทำวันนี้มันคือปลายเหตุเเล้ว เพราะต้นเหตุเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่เเล้วว่ามันเกิดจากมือของมนุษย์ที่ทำลาย เลยอยากเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยตระหนักให้เห็นปัญหาตรงนี้

นอกจากจะได้ทำกิจกรรมความดีกันเเล้ว ทางชมรม "นิยมพาย" ยังขอเชิญชวนผู้รักการถ่ายภาพ, ช่างภาพเยาวชน และจิตอาสาต่าง ๆ เข้าร่วมประกวดถ่ายภาพกิจกรรม "พายคายัค รักษ์คลอง" เพื่อร่วมกันแสดงพลังในการอนุรักษ์คลอง และแหล่งน้ำสาธารณะ

โดยผู้ชนะอันดับที่ 1 จะได้รับเงินรางวัล 4,000 บาท

อันดับที่ 2 ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาท

อันดับที่ 3 เงินรางวัล 2,000 บาท และ

อันดับที่ 4 เงินรางวัล 1,000 บาท