"นายกฯ" ลุยสิงห์บุรี ตรวจน้ำท่วม - แจกถุงยังชีพ ยืนยัน รบ.ห่วงใยประชาชน ลั่น ไม่มีความสุข หาก ปชช. ยังเดือดร้อน พร้อมตักทรายใส่กระสอบ ก่อนตบไหล่พลทหารบอกมีทหารไว้ทำเพื่อประชาชน ขณะที่ ส.ส. พปชร. แห่รอรับ ชาวบ้านส่งเสียงเชียร์ลุงตู่ สู้ ๆ

 

วันนี้ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส โฆษกรัฐบาล และ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมรับฟังความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี

โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่บริเวณใต้สะพานบางระจัน อำเภอเมือง ทันทีที่พลเอกประยุทธ์มาถึงโดยนั่งรถตู้สีดำ ทะเบียน กง 44 สิงห์บุรี มีประชาชนที่มารอต้อนรับตะโกนให้กำลังใจว่าลุงตู่สู้ ๆ และได้นำดอกไม้เข้ามามอบให้ ก่อนพี่พลเอกประยุทธ์จะกล่าวทักทายเล็กน้อย โดยระบุว่า "การมาในครั้งนี้เป็นเรื่องปกติ หัวใจนายกฯ ใหญ่อยู่แล้ว แต่วันนี้ใหญ่ขึ้นอีก นายกฯ มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา ในการทำทุกอย่างให้ดีขึ้น และย้ำว่าทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ค่อย ๆ แก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์ตามฤดูกาล ตามพายุ และจะพยายามปรับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าตราบใดที่ตนเองยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ โดยวันนี้ตนเองมีความห่วงใยในหลาย ๆ จังหวัด วันนี้มี ส.ส. หลายจังหวัดมาด้วยทั้งนครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง เยอะแยะไปหมด 10 กว่าคน

ก่อนที่จะถามไปที่ประชาชนว่า "นี่เป็นรัฐมนตรีของใคร ของรัฐบาล หรือของ ครม."

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้นั่งเรือท้องแบนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ประสบอุทกภัยชุมชนบางแคใน เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยในชุมชนซึ่งประสบปัญหาระดับน้ำท่วมสูง ซึ่งในพื้นที่นี้มีระดับน้ำสูงขึ้นจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจร โดยมีชาวบ้านประมาณ 100 ครัวเรือน

ระหว่างอยู่บนเรือ พลเอกประยุทธ์ ได้บอกว่า "เสียใจที่เห็นชาวบ้านน้ำท่วม ไม่มีใครมีความสุข ถ้าประชาชนยังเดือดร้อน นายกฯ มีความสุขไม่ได้" ก่อนที่นายกรัฐมนตรีหันไปโบกมือให้กับประชาชนและเด็กนักเรียนมีมาต้อนรับและกล่าวว่า "ขอให้เป็นเด็กดีเรียนหนังสือให้จบและต้องระมัดระวัง"

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กลับมามอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่รอบริเวณใต้สะพานบางระจัน และ รับมอบหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จังหวัดสิงห์บุรี จากแม่ของนายชัยวุฒิ หลังจากนั้นได้เดินไปพบปะกับประชาชน และตักทรายใส่กระสอบร่วมกับทหาร ก่อนที่จะแตะไหล่พลทหารและถามว่ารู้จักรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พร้อมกับทุบที่อกตนเองและกล่าวว่า "ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย มีทหารเอาไว้ทำอะไร มีทหารไว้ทำเพื่อประชาชนไง ก่อนที่จะเดินขึ้นรถและแสดงส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้ประชาชน พร้อมกับกล่าวทิ้งท้ายว่า ร่วมมือไปด้วยกันนะ"

จากนั้น นายกฯ เดินทางต่อไปยังวัดเฉลิมมาศ ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อตรวจสภาพพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างระบบป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนอินทร์บุรี (ระยะที่ 1 - 5) ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 - 2563 ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 998.07 ล้านบาท มีความยาวตลอดแนวคันกั้นน้ำ 9,516 เมตร พื้นที่ป้องกันอุทกภัย 7.34 ตารางกิโลเมตร มีระดับป้องกันน้ำ 15.60 เมตร ในช่วงฤดูฝนปี 2564 ได้มีกระแสน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยากัดเซาะบริเวณรอยต่อของเขื่อนป้องกันตลิ่ง ทำให้น้ำไหลเข้ามาตามแนวรอยต่อ ส่งผลกระทบให้มีน้ำท่วมขังบริเวณริมตลิ่งหน้าวัดเฉลิมมาศ ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลตำบลอินทร์บุรีได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 2 ตัว เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังบริเวณหน้าวัดเฉลิมมาศลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อระบายน้ำที่ท่วมขังออก และจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมบริเวณรอยต่อของเขื่อนป้องกันตลิ่งที่ชำรุดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งสำรวจรอยรั่ว และดำเนินการอุดให้แล้วเสร็จ พร้อมยืนยันรัฐบาลจัดลำดับความสำคัญการดำเนินโครงการ โดยจะเร่งดำเนินโครงการสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ลดความเดือดร้อนของประชาชน จะดำเนินการให้เร็วที่สุด และจะทยอยดำเนินโครงการที่เหลือตามแผนงบประมาณที่จัดเตรียมไว้ ทั้งนี้ ขอให้บูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบ

ในส่วนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย รัฐบาลมีความห่วงใย โดยได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนงบประมาณในการแก้ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยประสบปัญหาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งน้ำท่วม ปัญหาเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยพลังความรัก พลังสนับสนุนของทุกคน ทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีกำลังใจเดินหน้าทำงานแก้ไขปัญหาต่อไปเพื่อประเทศชาติ และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน

จากนั้นนายกฯ ลงพื้นที่ วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี ตำบลบางพุทธา อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย #จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” และทดลองนำร่องนำจ่ายบริการส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี
ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดำเนินงานโครงการ เพื่อการสนับสนุน นโยบายดิจิทัลเพื่อให้บริการด้านสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพด้านเครือข่ายของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มาขับเคลื่อนการให้บริการด้านสาธารณสุขของไทย

เช่น จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ ส่งน้ำยาล้างไต ส่งสิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ ส่งเตียงสนามให้แก่โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศและจัดส่งหน้ากากอนามัยให้แพทย์ พยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ยังได้ทดลองบินโดรนส่งยา อำนวยความสะดวกในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งไม่ว่าสถานการณ์โควิด-19 น้ำท่วม หรือพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกล ให้ราบรื่นยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างสังคมคุณภาพของคนไทยด้านสาธารณสุขในอนาคต โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้าไปด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลได้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์รองรับไว้เรียบร้อยแล้ว โดยได้ย้ำให้มีการใช้ประโยชน์ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายกฯ ยังย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น สอดรับกับมาตรการที่ประชาชนยังคงต้องรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนการเฝ้าระวังการเกิดโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยส่งเสริมการปรับตัวสู่การแพทย์วิถีใหม่ (New Normal Medical Service) ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้บริการและให้บริการทางการแพทย์โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวก และเกิดความปลอดภัยทั้งตัวผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนทำให้ผู้ป่วยในทุกพื้นที่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

จากนั้น นายกรัฐมนตรีชมการทดสอบการบริการส่งมะม่วงด้วยโดรนโดยไปรษณีย์ไทย พร้อมกันนี้ได้ชื่นชมและขอบคุณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัทไปรษณีย์ไทย ที่ได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพด้านการสื่อสาร และการขนส่ง ผ่านเครือข่ายของไปรษณีย์ไทยที่สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย แม้ในพื้นที่ห่างไกล มาขับเคลื่อนการให้บริการด้านสาธารณสุข ซึ่งการขนส่งโดยใช้เทคโนโลยีบินโดรน จะช่วยเปิดมิติใหม่ด้านการสื่อสารและการขนส่งของไทยให้ก้าวไปอีกขั้น เป็นการสร้างโอกาส ลดภาระ และลดระยะเวลาในการขนส่งจากต้นทางไปปลายทางให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การสื่อสารและการขนส่งของประเทศมีความเข้มแข็ง และก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

 

 

ในตอนท้ายนายกฯ ยืนยัน รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อสานต่อไปสู่อนาคตให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการไว้ให้มากที่สุด โดยต้องปรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โลกปรับเราก็ต้องเปลี่ยน โดยเฉพาะสถานการณ์ของโลกหลังโควิด-19 ที่จะไม่ใช่โลกแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมา จึงต้องแก้ปัญหา และเตรียมการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนและประเทศไทย

สำหรับการลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ถือเป็นอีกครั้งที่มีการจับตาว่าเป็นการวัดพลังกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในวันเดียวกันหรือไม่ โดยฝั่งพลเอกประวิตรมีรัฐมนตรีแล ะส.ส. รอต้อนรับกว่า 40 คน ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็มีส.ส.มารอต้อนรับ 11 คน ประกอบด้วย, นายภิญโญ นิโรจน์ ส.ส.นครสวรรค์, นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค, นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี, นายภูดิท อินสุวรรณ์ ส.ส.พิจิตร, นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร, นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม, นายมานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก, นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ส.ส.สุโขทัย, ร้อยเอกจองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี, นายประทวน สุทธิอำนวยเดช ลพบุรี