กทม.เตือน ชุมชนนอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ระวังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 20-40 ซม. ช่วง 23-30 ต.ค.นี้ แนะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

(19 ต.ค.2564) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำเหนือไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ว่า วันนี้เมื่อเวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำของกรมชลประทานที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่าน กทม. เฉลี่ย 2,923 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาดของ กทม. อยู่ที่ระดับ 2.00 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งยังต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพมหานครอยู่ประมาณ 1.00 เมตร จึงยังไม่ส่งผลกระทบในพื้นที่ กทม. โดยวันนี้ฐานน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะขึ้นสูงสุดเวลา 18.24 น. ที่ระดับ +1.15 ม.รทก. สำหรับระดับน้ำแนวคันกั้นน้ำด้านตะวันออก ณ ประตูระบายน้ำคลองสอง (สายใต้) อยู่ในระดับปกติ +1.13 (ระดับวิกฤต +1.80) ประตูระบายน้ำแสนแสบ (มีนบุรี) อยู่ในระดับปกติ +0.69 (ระดับวิกฤต +0.90) ประตูระบายน้ำลาดกระบัง อยู่ในระดับปกติ +0.42 (ระดับวิกฤต +0.60) ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (07.00 น.) : พื้นที่กรุงเทพมหานครฝนตกเล็กน้อยบางพื้นที่ ปริมาณฝนรวมสูงสุด 0.5 มม. ไม่มีรายงานจุดเร่งการระบายน้ำในถนนสายหลัก

อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินและวิเคราะห์ปริมาณฝนตก (ONE MAP) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากแม่น้ำปิง ในช่วงวันที่ 23 - 30 ต.ค.2564 ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 0.20-0.40 เมตร จึงขอให้ชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา 11 ชุมชน 239 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ กทม. ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำ โดยตรวจสอบความแข็งแรงและจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานพระราม 7 จนถึงบางนา ความยาวประมาณ 78.93 กิโลเมตร และเรียงกระสอบทรายเป็นเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ)และบริเวณแนวป้องกันที่มีระดับต่ำตามจุดต่าง ๆ 14 จุด รวมระยะทาง 2,512 เมตร พร้อมทั้งตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 97 สถานี และบ่อสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งในช่วงน้ำทะเลขึ้น รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำจุด เครื่องสูบน้ำสำรอง เรือผลักดันน้ำ วัสดุอุปกรณ์ กระสอบทราย และอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมปฏิบัติการและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันทีเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ตลอด 24 ชั่วโมง

อนึ่ง ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักการระบายน้ำ ตลอด 24 ชั่วโมง