หลายหน่วยงานลงพื้นที่ ช่วยเหลือทวดวัย 84 เลี้ยงเหลนด้วยเงินผู้สูงอายุ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา กำลังจะโดนยึดที่ หลังถูกหลานนำที่ดินไปจำนอง 


23 ก.ย.2564 ที่บ้านเลขที่ 301 ซ.เดชอุดม 22 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบย่าทวดวัย 84 ปี เลี้ยงเหลนวัย 3 ขวบ ด้วยเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ถูกหลานนำโฉนดที่ดินบ้านที่อาศัยอยู่ไปจำนอง และขาดส่ง กำลังจะถูกยึด ไร้ที่ซุกหัวนอน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ พบบ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ท้ายซอยเล็ก ๆ ชั้นบนชำรุด อยู่ได้เพียงชั้นล่างหลังคาบ้านรั่วซึม พบยายมิตร์ เกรียมมะเร็ง อายุ 84 ปี ย่าทวดที่เลี้ยงเหลนสาววัย 3 เพียงลำพัง จากเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และการช่วยเหลือของเพื่อนบ้านที่เมตตาสงสาร

โดย ยายมิตร์ เปิดเผยว่า ตนเองอาศัยอยู่บ้านหลังนี้มาหลายปี หลังจากที่สามีได้เสียชีวิตไป มีลูกชายด้วยกัน 2 คน ต่อมาลูกชายทั้งสองคนก็ได้เสียชีวิต ตนได้ทำงานเลี้ยงหลาน 2 คน ที่เกิดจากลูกชายคนเล็ก ซึ่งคนโตเป็นหลานชายและคนเล็กเป็นหลานสาว โดยรับจ้างทำงานทั่วไป มีรายได้ประมาณ 4,000 บาท ต่อเดือน จนหลานทั้งสองเรียนจบมีครอบครัว ต่อมาหลานชายมีภรรยา และได้ให้กำเนิดเหลนเป็นหญิง 1 คนก่อนที่จะเลิกรากันไป ทิ้งเหลนไว้ให้ย่าทวดดูแลตั้งแต่แบเบาะ โดยพ่อและแม่เด็กจากไปและไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู ต้องใช้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขณะนี้เดือนละ 800 บาท ซื้อนมและเครื่องใช้เลี้ยงเหลน โดยมีเพื่อนบ้านผู้ใจบุญช่วยเลี้ยงและดูแล

ส่วนหลานสาวอีกคนไปทำงาน แต่ไม่ได้ส่งเงินมาเลี้ยงดูเช่นกัน หนำซ้ำยังนำโฉนดที่ดิน ที่ตนและเหลนอาศัยอยู่ ไปจำนอง และขาดการชำระ ปล่อยให้ที่ถูกยึด ตนเคยสอบถามหลานสาวอ้างว่า นำที่ไปจำนองในราคา 8,000 บาท แต่เนื่องด้วยขาดส่ง และเจ้าของที่อ้างว่าเงินที่จำนองเป็นเงิน 350,000 บาท และขณะนี้มีผู้จะมาซื้อที่ต่อ ตนและเหลนจึงกำลังจะถูกไล่ที่ โดยให้โอกาสอยู่ได้อีกเพียง 3 เดือน ซึ่งตอนนี้ทุกข์ใจเป็นอย่างมากไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา นางสาคร ลาภวิบูลย์สุข อายุ 54 ปี กู้ภัยฮุก 31 หัวหน้าจุดย่อยข้าง สภ.โพธิ์กลาง ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น นางสาคร เปิดเผยว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับพ่อของเด็ก เนื่องจากเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกันเมื่อหลายปีก่อน จึงทราบข้อมูลของครอบครัวนี้เป็นอย่างดี และได้เข้ามาช่วยเหลือเป็นประจำ ซื้อข้าวสารอาหารแห้งไข่ไก่และนมมาให้อยู่เสมอ

"เบื้องต้นและทีมงานได้ปรึกษากันเพื่อที่จะช่วยเหลือโดยการโพสต์ขอความช่วยเหลือในโลกโซเชียล และพาย่าทวดไปเปิดบัญชี โดยเป็นบัญชีส่วนตัวไม่มีบัตร ATM เพื่อที่จะให้มีผู้ใจบุญบริจาคเข้าช่วยเหลือในการไถ่ถอนบ้านและที่ดินคืนจากการจำนอง เบื้องต้นได้พูดคุยกับนายทุนผู้เป็นเจ้าหนี้ ได้ให้เวลาในการไถ่ถอนที่ดินและสัญญาว่าจะไม่ขายให้คนอื่นถ้าหากสามารถรวบรวมจำนวนเงินได้พอ ในจำนวน 350,000 บาท และยืนยันว่าการเปิดบัญชีบริจาคครั้งนี้บริสุทธิ์และโปร่งใส เพราะตนตั้งใจที่จะช่วยให้ย่าทวดและเหลนมีที่อาศัยอยู่ต่อไป"

ล่าสุด วันนี้ 23 ก.ย. นางอารยา เพลินบุญ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจ.นครราชสีมา กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย ดร.ปาณิสรา จันทรัตน์ นักพัฒนาชุมชน กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ เพื่อดูแลความคืบหน้าเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ

โดยนางอารยา เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีหลายหน่วยงานมาให้ความช่วยเหลือในการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าครองชีพค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากทางภาครัฐ ได้รับความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว แต่ในส่วนของเรื่องจะถูกยึดบ้านเป็นเรื่องใหม่ เบื้องต้นทราบว่าน่าจะมีผู้ใจบุญเข้ามาบริจาคเงินให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งมูลนิธิที่เข้ามาช่วยเหลือเพื่อรวบรวมเงินมาซื้อบ้านคืน โดยอาจจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อดูแลเงินที่เข้ามา มีพอที่จะช่วยซื้อบ้านคืนได้ ยังเหลือก็จะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้กับคุณยาย โดยมีคณะกรรมการร่วมกับหลายหน่วยงานช่วยกันดูแล

ขณะที่เมื่อช่วงบ่าย นางสาคร กู้ภัยฮุก 31 หัวหน้าจุดย่อยข้าง สภ.โพธิ์กลาง ซึ่งเป็นคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ได้พายายมิตร์ไปที่ธนาคาร เพื่อเช็กยอดเงินในบัญชีล่าสุด พบว่า มีผู้ใจบุญโอนเงินมาให้ความช่วยเหลือแล้วรวม 492,940 บาท โดยหลังที่ออกมาจากธนาคาร ทั้งยายและนางสาคร ดีใจกอดกันร้องไห้น้ำตาไหล ที่จะได้ซื้อบ้านคืนมาเป็นของตนเอง

ยายมิตร์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ขอขอบคุณผู้ที่มีจิตเมตตาทั้งหลายที่มีใจเมตตา โอนเงินมาให้ความช่วยเหลือ ขอให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย คุณพระคุ้มครอง ผู้ใจบุญที่โอนเงินมาช่วยเหลือ ให้รอดพ้นจากโควิด คิดสิ่งใดให้สมปรารถนา ขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ จนได้ที่และบ้านคืน ตนดีใจจนน้ำตาไหลไม่รู้จะตอบแทนยังไง นอกจากขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเข้ามาให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้

ด้าน นางสาคร เปิดเผยว่า เงินจำนวนทั้งหมดที่ผู้ใจบุญได้บริจาคมาทุกบาททุกสตางค์ จะยกให้คุณยายทั้งหมด โดยจะมีการจัดการอย่างโปร่งใส โดยมีความตั้งใจจะนำมาไถ่ถอนบ้านที่หลานสาวแอบนำไปจำนอง เบื้องต้นได้พูดคุยกับนายทุนที่รับโฉนดไว้แล้ว และรับปากว่าจะไม่ขายให้ใคร ซึ่งจะขายคืนให้คุณยายในราคา 350,000 บาท พร้อมกับค่าโอนอีก 20,000 บาท ค่าโอนส่วนที่เหลือนายทุนจะเป็นผู้ออกช่วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 370,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือจะนำมาซ่อมแซมบ้านให้คุณยาย จากนั้นจะเก็บไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาของเหลน

อย่างไรก็ตามหากมีหน่วยงานจะเข้ามาดูแลเงินของคุณยายอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมก็พร้อมยินดีปฏิบัติตาม โดยตนและทีมงานมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือคุณยาย และขอขอบคุณน้ำใจของคนไทยผู้ใจบุญทั้งประเทศที่ได้ร่วมช่วยเหลือคุณยายในครั้งนี้