แม่วอนช่วยเหลือลูกน้อยอายุ 1 ขวบ 1 เดือน ป่วยด้วยโรคลมชักและหอบหืด ต้องเข้าออก รพ.เกือบทุกสัปดาห์ และต้องให้อาหารทางสายยางผ่านทางช่องท้อง ขณะที่ครอบครัวความเป็นอยู่ยากลำบาก


(23 ก.ย. 64) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านสำโรงช่องแมว ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เข้าพบครอบครัวนางสุนันท์ เต้าสูงเนิน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 หมู่ 11 บ้านสำโรงช่องแมว ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลังขอความช่วยเหลือ เพราะที่บ้านมีหนูน้อยวัย 1 ขวบ 1 เดือน ป่วยเป็นโรคลมชัก และหอบหืด ต้องเข้าออก รพ.เกือบทุกสัปดาห์ รวมถึงต้องให้อาหารทางสายยางผ่านทางช่องท้อง แต่เนื่องจากครอครัวมีความเป็นอยู่ยากลำบาก

นางสุนันท์ เล่าว่า บ้านหลังดังกล่าวอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย ตนเอง, สามีที่พิการตาบอด 1 ข้าง และหูหนวก พี่ชายที่พิการเกี่ยวกับกระดูก ลูกชายที่ป่วยทางสมอง หลังจากประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน หลานชาย หลานสะใภ้ และเหลนน้อย ชื่อ น้องแพมแพม อายุ 1 ขวบ 1 เดือน ป่วยเป็นโรคลมชักและหอบหืด ต้องเข้าออก รพ.เกือบทุกอาทิตย์ รายได้ในครอบครัวไม่พอ ต้องไปขอยืมจากเพื่อนบ้านมาเป็นค่าใช้จ่าย

ด้าน น.ส.กรรณิการ์ ฤทธิ์เดช อายุ 18 ปี แม่ของน้องแพมแพม เล่าว่า ระหว่างที่ตั้งครรภ์ไม่มีอะไรผิดปกติ จนเมื่อครบกำหนดคลอด ก็ไปคลอดที่รพ.โนนสูง ระหว่างนั้นน้องเกิดอาการสำลักน้ำคร่ำต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา และพบว่ามีอาการสมองบวมและไตวาย ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมานานกว่า 2 เดือน จนกลับมาอยู่บ้าน อายุได้ประมาณ 7 เดือน มีอาการหอบและชักเกร็งจนตัวเขียวปากเขียว จึงรีบนำส่ง รพ.พิมาย และส่งรักษาต่อที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา หมอบอกว่าน้องเป็นโรคลมชัก และไม่สามารถกินอาหารทางปากเหมือนเด็กปกติได้ จึงได้ให้อาหารทางสายยางผ่านทางจมูก แต่น้องได้พยายามดึงสายยางออก หมอจึงเปลี่ยนมาเจาะที่ช่องท้องแทน โดยต้องให้อาหารวันละ 6 มื้อ ในแต่ละมื้อจะเป็นอาหารที่ทาง รพ.ให้มา และตนก็จะนำนมจืดแบบ UHT และอกไก่มาปั่นให้ละเอียดผสมลงไปด้วย รู้สึกสงสารลูกมาก เพราะต้องเข้า รพ.บ่อยมาก มาอยู่บ้านได้ไม่กี่วัน ลูกก็ชักเกร็งและหอบ ต้องพาไปหาหมอ แต่ละครั้งต้องไปนอน รพ.เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ตนจึงไม่สามารถไปทำงานที่ไหนได้ต้องเฝ้าดูแลลูกตลอดเวลา ส่วนสามี คือ นายพีรัตน์ชัย บุญเทพ อายุ 18 ปี เมื่อก่อนก็ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่ง แต่เมื่อโควิด-19 ระบาด ทำให้โรงงานเลิกจ้าง ต้องมาอยู่บ้านกับย่า คือ นางสุนันท์ฯ ซึ่งฐานะทางบ้านค่อนข้างลำบาก เพราะในบ้านก็มีแต่คนป่วย รายได้หลักคือจากเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของย่า และเบี้ยคนพิการของปู่ และเงินอุดหนุนเด็กเดือนละ 600 บาท

ในแต่ละวันย่าจะออกไปรับจ้างเสียบไก่ย่าง ได้ค่าจ้างวันละ 80 บาท นำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ซึ่งก็ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จนต้องไปขอหยิบยืมจากเพื่อนบ้าน ยิ่งถ้าช่วงไหนที่น้องแพมแพมอาการลมชักกำเริบก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะต้องเหมารถไป รพ.ครั้งละ 400–500 บาท รพ.อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 20 กม. บางครั้งก็จะพาลูกขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอง บางครั้งจะโทรแจ้ง 1669 ให้มารับ แต่เพราะบ้านอยู่ไกล อาการหนักจนรอรถไม่ไหวก็ต้องหารถไปเอง

น.ส.กรรณิการ์ กล่าวต่อว่า อาการของลูก หมอยังไม่ยืนยันว่าจะรักษาหายหรือไม่ ให้เพียงยากันชักและวิตามินมากิน สงสารลูก อยากให้ลูกหายเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป ทุกวันนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายคือ ค่านมกล่อง UHT ค่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่จะใส่ตอนนอน และตอนไปอยู่ รพ. ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ ไม่มีเงินจนต้องโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อขอความช่วยเหลือ อยากวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือครอบครัว หรือจะบริจาคเป็นนมจืด UHT ยี่ห้ออะไรก็ได้ และผ้าอ้อมสำเร็จรูปไซส์ XL

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม (น.ส.กรรณิการ์ แม่น้องแพมแพม) โทร. 063-625-6408