ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบป้อมจราจร หลายแห่งในพื้นที่ กทม. ถูกมือมืดวางเพลิงเผาทำลาย เสียหายพร้อมกันในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา 

 

เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 23 ก.ย.2564 ร.ต.อ.สุรพงษ์ ประทุมวัน รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) รุดเข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ป้อมจราจร สี่แยกสะพานควาย ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท และเหตุเพลิงไหม้ป้อมจราจร สี่แยกประดิพัทธ์ ถนนพระรามที่ 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.

สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 02.19 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ป้อมจราจร สี่แยกสะพานควาย และสี่แยกประดิพัทธ์ ได้รับความเสียหาย จนไม่สามารถควบคุมสัญญาณไฟจราจรได้ นอกจากนี้เวลา 02.41 น.ยังมีป้อมจราจร สี่แยกอุรุพงษ์ ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท และสี่แยกมิตรสัมพันธ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายเช่นกัน รวมทั้งป้อมจราจรในพื้นที่ กทม.อีกหลายแห่งที่ถูกทุบทำลายกระจกแตกจนได้รับความเสียหาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถ จยย. ที่เคยก่อเหตุบริเวณถนนดินแดง และถนนวิภาวดีรังสิต ได้ตระเวนก่อเหตุเผาทำลายป้อมจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยรอบ สาเหตุเชื่อว่าเป็นการเผาทำลายเพื่อก่อความไม่สงบเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

 

 

ด้าน พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยถึงการ ก่อความไม่สงบของมวลชนบางกลุ่ม บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อคืนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลาประมาณ 18 นาฬิกา พบมีการก่อเหตุเผายางรถ และจักรยานยนต์ มากีดขวางการจราจร ทำลายสิ่งของ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของเอกชน และส่วนราชการ เช่น สถาบันการศึกษา ได้รับความเสียหาย รวมทั้งขว้างปาประทัดระเบิดต่อเนื่อง กระทั่งช่วงดึก กลุ่มผู้มวลชนได้เคลื่อนตัวออกจากแยกดินแดง และกระจายไปตามทั่วพื้นที่ กทม. และพบก่อเหตุเผาป้อมจราจร จำนวน 6 จุด ในท้องที่ สน.บางซื่อ สน.ลุมพินี สน.พญาไท และสน.มักกะสัน

ขณะนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีผู้กระทำผิด และแจ้งข้อหา สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อเหตุวุ่นวายในบ้านเมือง วางเพลิงเผาทรัพย์ฯ ทำให้เสียทรัพย์ และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรค

นอกจากนี้ยังดำเนินคดีกับแอดมินเพจที่ใช้ชื่อว่า แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เนื่องจากพบมีการชักชวนให้ออกมาร่วมชุมนุม เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวน 2 คน ข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดมาตรา 116

สำหรับการดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมเดือนกรกฏาคม มีทั้งสิ้น 220 คดี อยู่ระหว่างควบคุมติดตามดำเนินคดีจำนวน 808 คน และควบคุมตัวดำเนินคดีได้แล้ว 563 คน ส่วนที่เหลือกำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคล

ขณะที่ พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภรตา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ถึงแนวทางการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการควบคุมสถานการณ์ โดยยกระดับการเข้าควบคุมผู้ก่อเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเริ่มทำลายทรัพย์สินของสาธารณะมากขึ้น เมื่อก่อเหตุ ก็มักหลบหนีเข้าพื้นที่แหล่งชุมชน แต่ตอนนี้ได้รับความร่วมจากประชาชนย่านดินแดงมากขึ้น ทำให้สามารถแยกระหว่างผู้ชุมนุม กับประชาชนในพื้นที่ได้ง่ายขึ้น ส่วนป้อมจราจรที่ถูกเผา ไม่ส่งผลต่อการบริหารงานจราจร เนื่องจากมีตำรวจปฎิบัติหน้าที่อยู่แล้ว