ป.ป.ส.ร่วมกับดีเอสไอเปิดปฏิบัติการ 'พาลีปราบยา' ยึดทรัพย์เครือข่าย 'เชิดชัย คงฟู' แก๊งค้ายารายใหญ่ภาคอีสาน รวมกว่า 58 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำชุดปฏิบัติการ "พาลีปราบยา" พร้อมด้วย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ), นายอำนาจ เหล่ากอที ผอ.สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 7, พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผกก.สส.1 บก.สส.ภ7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ติดตามการปฏิบัติการยึดอายัดทรัพย์สินกลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อเนื่องพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และพื้นที่กรุงเทพฯ

โดย ปปส.ภาค 4 ร่วมกับตำรวจภูธร ภาค 4 สืบสวนสอบสวนขยายผลการจับกุมบุคคลในเครือข่ายการค้ายาเสพติดของนายเชิดชัย คงฟู รวม 3 คดี ตั้งแต่ห้วงวันที่ 12 ก.ค. - 27 ต.ค.2563 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและรวบรวมหลักฐาน
จับกุมเครือข่ายผู้สั่งการ ในข้อหา "สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด" และศาลจังหวัดบึงกาฬ ออกหมายจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายเชิดชัย คงฟู, น.ส.นุชนารถ แช่มช้อย, นายบุญอุ้ม ทึนหาร (ถูกจับกุมเมื่อ 3 เม.ย.2564) และ MRS.DUANGCHAI SENGKHAMYOUNG ชาวลาว

โดยวันนี้(22 ก.ย.2564) ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลยึดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่ายจุดที่ 1 ในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม รวม 4 จุดปฏิบัติการ สามารถยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายการค้ายาเสพติดไว้แล้ว มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ประกอบด้วยบัญชีธนาคาร ยานพาหนะ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินอื่น ๆ

จุดที่ 2 ดีเอสไอ ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และตำรวจภูธรจังหวัดตาก สนธิกำลังร่วมเข้าค้นบริษัทค้าอัญมณี ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ตามหมายค้นจากศาลจังหวัดแม่สอด และในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ ห้องชุดคอนโดหรู ย่านสาทร ตามหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยผลการสืบสวนสอบสวน พบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ มีธุรกรรมต้องสงสัยและมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเส้นทางการเงินกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งผลการตรวจสอบย้อนหลัง 9 ปี นับแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของผู้ต้องสงสัย บุคคลใกล้ชิดและบุคคลอื่น ๆ ในห้วงเวลาเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลประกอบการของบริษัท ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถยึดอายัดทรัพย์สินต้องสงสัยมีมูลค่าประมาณ 43.85 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องชุดคอนโด,โฉนดที่ดิน, ยานพาหนะ, เงินสดและเช็คเงินสด, เครื่องประดับ และอัญมณี ซึ่งเกินกว่าฐานานุรูป พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 มาตรา 7 และมาตรา 9 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 รวมผลการดำเนินงานภายใต้ปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถยึดอายัด ทรัพย์สิน ได้มูลค่ากว่า 58.85 ล้านบาท