จากกรณีมีผู้โดยสารหญิงรายหนึ่ง แฉคลิปขณะกำลังโดยสารรถแท็กซี่ พร้อมระบุข้อความว่า ถูกโกงเงินและลวนลามทางวาจา ล่าสุดขนส่งจ.สมุทรปราการ เตรียมฟันข้อหาหนักคนขับแท็กซี่

 

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้โดยสารหญิงสาวรายหนึ่งออกมาโพสต์คลิปวิดีโอขณะกำลังโดยสารรถแท็กซี่สาธารณะ กทม. พร้อมระบุข้อความว่า "วันนี้จะมาเเชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับรถเเท็กซี่โดยสาร อยากถามเพื่อน ๆ เคยเจอเเบบนี้กันบ้างไหม เราเรียกรถเเท็กซี่คันนี้ ตรง BTS สายลวด พอขึ้นรถคนขับไม่ใส่แมสก์ เราคิดว่าเข้าซอยแปบเดียว ช่างเถอะ เพราะเห็นว่าไปไม่ไกล ระหว่างทางคนขับพูดจาเเทะโลมตลอด เราบอกคนขับว่า ยูเทิร์นหน้า แล้วเลี้ยวเข้าซอย ตรากบ คนขับบอกว่า เข้าซอย 60 บาท นะ เราเลยบอกพี่คนขับว่าไม่ได้คิดตามมิเตอร์เหรอ เค้าบอกว่าเข้าซอยต้องแบ่งให้วิน 20 บาท เค้าได้ 40 บาท พอเข้าซอยมานิดนึง เราบอกพี่คนขับว่าไปอีกไม่ได้ลงซอยนี้ คนขับเเจ้งว่าถ้าอีกไกลเพิ่มเป็น 100 บาท เราเลยบอกเค้าว่างั้นไม่ไปขอลงตรงนี้ เค้าบอกลงตอนนี้ก็ 100 นึง หรือไม่งั้นก็ไปโรงพัก เราไม่อยากมีปัญหาก็เลยยอมๆไป คือคนขับกดมิเตอร์ ตอนลงมิเตอร์ขึ้น 47 บาท เเต่เก็บ 100 บาทอ้างว่าเป็นอูเบอร์ เราไม่ได้เรียกอูเบอร์เลย เราโบกข้างทาง เเละเราไม่ได้เสียดายเงิน เเค่เสียความรู้สึก เเละไม่อยากให้คนอื่นโดนเหมือนเรา "

โดยช่วงเย็นของเมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 น.ส.บี วีรวรรณ ผู้เสียหายได้เดินทางมาที่โรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

ขณะที่ล่าสุด วันนี้ (22 ก.ย.2564) นาง สุนิสา อนันตกูล ขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ ระบุผ่านทางโทรศัพท์ ว่า หลังจากที่ขนส่ง จ.สมุทรปราการ ทราบเรื่องดังกล่าว ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะจากการตรวจสอบคลิปดังกล่าวพบว่าเป็นพฤติกรรมร้ายแรงต่อผู้โดยสาร จึงสั่งการให้หัวหน้าฝ่ายผู้เกี่ยวข้องไปเร่งตรวจสอบข้อมูลและประวัติของรถแท็กซี่ทะเบียนคันดังกล่าว จนทราบตัวคนขับรายนี้แล้ว พบว่าเป็นชายไทย อายุ 46 ปี ยังไม่ขอเปิดเผยนาม ต้องรอเข้าสู่ขบวนการของกฎหมายเสียก่อน โดยในวันนี้ทางขนส่ง จ.สมุทรปราการ จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของ สภ.เมืองสมุทรปราการ เชิญตัวคนขับมาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ในช่วงบ่ายของวันนี้

เบื้องต้นพบความผิดที่ชัดเจนคือ แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ และกระทำการลวนลามผู้โดยสาร ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 57 ฉ และความผิดในมาตรา 5(15) ฐานแต่งกายไม่ถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เป็นเงิน 2,000 บาท โดยจะต้องตรวจสอบอีกว่ามีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะหรือไม่ หากพบว่ามีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะก็จะถูกสั่งพักใบขับขี่ชั่วคราวอย่างน้อย 30 วัน แต่หากพบว่าไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะก็จะต้องส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีในฐานความผิดไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ ซึ่งจะมีโทษใหม่ตามประกาศของกระทรวง คือ โทษจำคุก 3 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท นอกจากนั้นยังเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่งประกาศของ จ.สมุทรปราการ เรื่องมาตรการควบคุมโรคระบาดเชื้อโควิด ที่มีการประกาศให้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่นอกเคหสถาน โดยเฉพาะคนขับรถสาธารณะที่จะต้องสวมใส่ตลอดเวลา 2522 มาตรา 57 ฉ ประกอบมาตรา66/2 ในอัตราสูงสุด เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท และบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะต่อไป