เปิดใจหญิงไทยถูกหลอกทำงานดูไบ ผ่านนายหน้าลิลลี่ ต้องเสียค่าไถ่ 7 หมื่น ด้านจนท.เร่งช่วยเหลือ ครอบครัว หลังพบยากจน มีลูกต้องเลี้ยงอีกสาม

 

สืบเนื่องจากหญิงใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ถูกหลอกไปทำงานเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และได้รับการช่วยเหลือกลับมาถึงประเทศไท เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (21 ก.ย.2564) จากนั้นเจ้าหน้าที่นำไปกักตัว 14 วัน ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

(อ่านประกอบ : ช่วยหญิงไทยถูกหลอกที่ดูไบถึงไทยวันนี้ 12.30 น.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 ก.ย.2564 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองใน จ.สระแก้ว นำโดยนายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอวังน้ำเย็น ลงพื้นที่ไปยังบ้านของหญิงรายนี้ ซึ่งมีภูมิลำเนาเป็นชาวบ้านท่าตาสี ต.ตาหลังใน พบเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีสภาพค่อนข้างเก่า มุงด้วยสังกะสี มีรอยรั่วจำนวนมาก ฝาด้านข้างไม่แข็งแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พบกับแม่และลูก 3 คน ของหญิงไทยรายดังกล่าว

โดยแม่ กล่าวว่า บ้านหลังนี้อยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 คน เป็นเด็กเล็ก 3 คน มีฐานะยากจน เพราะมีอาชีพรับจ้างรายวันทั่วไป ก่อนหน้านั้น ลูกสาวเคยไปทำงานร้านนวดอยู่ที่ประเทศเกาหลี แม่ต้องไปกู้เงินมาให้ 50,000 บาท แต่พอทำงานได้ประมาณ 3 เดือน จึงเดินทางกลับบ้าน ก่อนจะทยอยใช้หนี้เหลือเพียงเล็กน้อย แต่พอลูกสาวกลับมาอยู่บ้านได้สักพัก ได้บอกแม่ว่า อยากไปทำงานร้านนวดที่เมืองดูไบ รายได้ดี ตกแล้วเดือนละ 30,000 -40,000 บาท จึงไปกู้เงินคนรู้จักอีก 20,000 บาท เสียดอกร้อยละ 10 เพื่อให้ลูกสาวเดินทางไปทำงานที่เมืองดูไบ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. แต่ไปได้ไม่กี่วัน ลูกสาวส่งไลน์มาหาร้องไห้ว่าอยากกลับบ้านแล้ว คนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกสาวเป็นแบบนั้นแล้วเหมือนใจจะขาด ก่อนจะมารู้เรื่องอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือลูกสาวกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว ดีใจและขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ

ขณะที่นายอารยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอวังน้ำเย็น กล่าวว่า หลังจากลงพื้นที่มาดูแล้ว พบว่า ครอบครัวนี้มีฐานะยากจน ทั้งบ้านมีกันอยู่ 9 คน แต่ทำงานได้พียง 3 คนเท่านั้น เบื้องต้นหน่วยงานจะนำงบประมาณ 40,000 บาท จากโครงการบ้านมั่นคง ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาซ่อมแซมบ้านให้ ส่วนในเรื่องหนี้สินที่ไปกู้ยืมมา หน่วยงานรัฐจะเข้าไปเป็นคนกลางขอไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ ให้ลดดอกเบี้ยเหลือตามกฎหมายกำหนด รวมถึงระยะเวลาในการชำระหนี้ นอกจากนั้น สภากาชาดจังหวัดสระแก้ว ยังได้มอบข้าวสารอาหารแห้งรวมถึงเงินสดจำนวนหนึ่งเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน และจะประสานในเรื่องการหางานให้ทำด้วย

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับหญิงไทยที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านทางโทรศัพท์ กล่าวว่า ได้รู้จักกับนายหน้าที่ชื่อ ลิลลี่ ชักชวนไปทำงานที่เมืองดูไบ เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฎว่านายหน้าที่ชื่อลิลลี่บอกให้ขายบริการทางเพศ ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ จึงขอยกเลิก แต่นายหน้าคนดังกล่าวไม่ยอมให้กลับและเรียกค่าเสียหาย 70,000 บาท จึงตัดสินใจไลฟ์สดเฟสบุ๊ก ขอความช่วยเหลือผ่านทางสื่อต่างๆ กระทั่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้อย่างรวดเร็ว