แม่ค้าออนไลน์ร้อง ถูกตร.บุกค้นบ้าน ก่อนขอ 5 ล้านแลกปล่อยตัว ขณะที่ผู้การสงขลายัน มีการเข้าตรวจค้นและยึดของกลางไปตรวจสอบจริง แต่หลังไม่พบความผิด ได้คืนของกลางทั้งหมดแล้ว


กรณีมีแม่ค้าออนไลน์ออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับพฤติกรรมของตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา เข้าไปตรวจค้นในบ้านพัก ก่อนยึดเงินสด 10 ล้านบาท และทองรูปพรรณอีกประมาณ 60 บาท ก่อนต่อรองขอเงินสด 5 ล้านบาท แลกการปล่อยตัว ผู้บังคับการตำรวจภูธรสงขลายัน มีการเข้าตรวจค้นและยึดของกลางไปตรวจสอบจริง แต่หลังไม่พบความผิดมีการคืนของกลางทั้งหมด

ภาพจากกล้องวงจรปิดเผย ขณะตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา นำกำลังพร้อมหมายศาล เข้าตรวจค้นบ้านพักของ นางสาวกมลวรรณ ปิ่นทองพันธุ์ แม่ค้าออนไลน์เจ้าของเพจ “ซ้อปลา" มาดามลูกเหนียง ในพื้นที่ตำบลป่าขาด อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา โดยทำการเข้าตรวจค้นภายในบ้านและห้องต่าง ๆ ก่อนยึดของกลาง เป็นกระเป๋า น้ำหอม โลชั่น สบู่ เงินสดจำนวน 10 ล้านบาท และทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 60 บาท ก่อนคุมตัวนางสาวกลมวรรณ ไปยังเซฟเฮาส์

นางสาวกมลวรรณ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นภายในบ้าน โดยมีการยื่นหมายให้ดูแต่ดูแบบผ่าน ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ ตนก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบเพียงเงินสด 10 ล้านบาท และทองคำ 60 บาท ที่วางไว้อยู่ในตู้ ออกมาวางไว้บนที่นอน และและเอาทองกับเงินสด ใส่ถุงดำแล้วนำมาวางไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน และเข้าไปตรวจค้นต่อที่ห้องถ่ายทอดสด และมาบอกตนว่าของที่อยู่ในห้องนั้นผิดกฎหมายหมดเลย แล้วเอาถุงดำใส่ของทั้งหมดทั้งกระเป๋า รวมแล้วประมาณ 6-7 ถุง และได้เอาของทั้งหมดขึ้นรถ และได้ไปค้นรถตนต่อ และได้ยึดรถตนไปอีก 1 คัน ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวไปสอบสวน พร้อมด้วยเงินสด และทองที่พบ พร้อมด้วยควบคุมตัวน้องสาว และแฟนตนไปยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง

หลังจากนั้นให้เธอติดต่อกับบุคคลที่รู้จัก เพื่อให้เป็นตัวกลางในการเจรจาปล่อยตัว และบอกตนว่าของทั้งหมดจะยึดไว้ ตัวเองจึงถามไปว่ายึดทำไม ตนเองมีความผิดอะไร แต่ขณะคุมตัว ตำรวจถือปืนตลอดเวลา และพูดจาเชิงข่มขู่ ก่อนขอเงินจำนวน 5 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัว ด้วยความกลัวเธอจึงยอมทำตาม แต่เมื่อตนกลับมาถึงบ้านก็มีคนกลางโทรมาบอกว่า ผู้ใหญ่ขอมาว่าขอทองอีก 10 บาท แต่ตนไม่ยอมจึงบอกไปว่า เอาแค่ 1 แสนบาทได้ไหม ตนจึงโอนเงินไปให้ 1 แสนบาท เช้าอีกวันคนกลางก็โทรมาบอกว่าเงิน 1 แสนนั้นไม่เอาเดี่ยวโอนกลับให้ ตนก็ว่าไม่เป็นไรเอาไปเลย ตนไม่อยากมีปัญหา พูดกันไปมา คนกลางก็โอนเงินกลับมาให้ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน

น.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธุ์ แม่ค้าออนไลน์ กล่าวอีกว่าหลังเกิดเหตุเธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และอยากได้เงินจำนวน 5 ล้านบาทคืน จึงนำเรื่องราวที่เกิดขึ้น เดินทางพร้อมทนายความไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดยมี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เป็นผู้รับเรื่อง

โดยทนายยืนยันมีหลักฐานชัดเจนถึงการเรียกรับเงินดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่จะให้ทางผู้บังคับบัญชาของชุดตรวจค้น ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ความเป็นธรรมกับนางสาว กมลวรรณ

กิตติธัช ชูโชติ ทนายความ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ทำเรื่องรองทุกข์และร้องเรียนทางวินัยไปยังตำรวจภูธรภาค9 แล้ว และเชื่อมั่นในพยานหลังฐานของตนว่า มีพยานและหลักฐานชัดเจน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เงิน สด 10 ล้านนั้นมีจริง ตำรวจเข้ามาตรวจค้นจริง และเป็นตำรวจจริง และได้นำของทั้งหมดพร้อมผู้เสียหายไปจริง ซึ่งทุกอย่างมีพยานหลักฐานหมด

คนกลางที่อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า วันนั้นมีพี่ที่สนิทโทรมาบอกว่าให้ช่วยเข้ามาดูน้องเค้าหน่อย น้องเค้าถูกตำรวจจับ และบอกสถานที่ ตนก็เดินทางมา พอมาถึงก็เข้าไปถามว่าคนไหนชื่อปลา จึงได้พูดคุยกับน้องปลา หลังจากนั้นตนได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าน้องผิดอะไร ตำรวจคนหนึ่งบอกว่าตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ไม่สามารถบอกอะไรได้ ตนก็กลับไปทำงานปกติ ผ่านไปหลายชั่วโมงพี่คนที่รู้จักจึงโทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง จึงบอกว่ากลับมาแล้วคิดว่าเรื่องจบแล้ว

หลังจากนั้นตนจึงเดินทางมายังเซฟเฮาส์อีกครั้ง และตำรวจบอกว่าให้เซ็นเป็นพยาน จึงถามว่าพยานอะไร ตำรวจจึงบอกว่าพยานในการคืนของกลาง ตนจึงถามน้องปลากับแฟนว่าได้ของครบหรือยัง น้องปลากับแฟนบอกว่าได้คืนครบ ตนก็พยายามถามซ้ำว่าของได้ครบทุกอย่างไหม ปลากับแฟนก็บอกว่าครบ ตนจึงเซ็นเป็นพยานให้ แต่ตนยอมรับว่าไม่ได้อ่านว่าของกลางทั้งหมดในเอกสารนั้นมีอะไรบ้าง ตนเห็นเพียงว่ามีเงิน มีทอง และโทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะ โดยส่วนตัวแล้วตนยังคิดเลยว่าทำไมเอาเงินจำนวนเยอะขนาดนั้นไปไว้ที่บ้านเนื่องจากแถวนั้นเปลี่ยวเป็นชุมชนเล็ก

ด้าน พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลากล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้มีการตรวจสอบ และให้รายงานข้อเท็จจริงแล้ว โดยพบว่า ก่อนที่จะเข้าไปทำการตรวจค้น มีการสืบทราบ และรับแจ้งจากพลเมืองดีว่า บ้านดังกล่าวมีพฤติการณ์ในเรื่องของการมีสิ่งของผิดกฎหมาย และมีเรื่องของแชร์ลูกโซ่ จึงมีการสืบสวนความจริง และมีการรวบรวมข้อมูล กระทั่งนำไปสู่การยื่นเสนอต่อศาลเพื่อออกหมายค้น การเข้าตรวจค้นตำรวจได้แสดงตนตามขั้นตอน ซึ่งเจ้าของบ้านมีการลงนามรับทราบผลของการตรวจค้น พบเครื่องสำอาง ธนบัตร และทองคำรูปพรรณ จึงตรวจยึดทั้งหมดไปตรวจสอบถึงการได้มา และการดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องสำอาง ก่อนนำตัวนางสาวกมลวรรณไปยังเซฟเฮาส์ โดยให้นางสาวกมลวรรณเป็นผู้ถือไป มีพยานที่เธอไว้วางใจไปด้วย หลังตรวจสอบและสอบสวนไม่พบพิรุธ จึงมีการคืนของกลางทั้งหมด ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและสามารถตรวจสอบได้ หลังจากนี้จะสืบสวนเรื่องราวอย่างละเอียดอีกครั้ง และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย