เหยื่อ "Nas-App" ร้อง บช.สอท. ถูกหลอกลงทุนเงินดิจิทัล คาดเสียหายหลายล้านบาท ยอมรับรู้ตัวหลังเพจดังแฉพฤติกรรมมิจฉาชีพแก๊งนี้

 

วันนี้ (21 ก.ย.2564) ผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งประมาณ 20-30 ราย เดินทางไปยังกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์หลังถูกหลอกร่วมลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลจากแอปพลิเคชัน "นาส แอป" คาดมีผู้เสียหายนับพันราย มูลค่าจำนวนเงินนับร้อยล้านบาท

ความคืบหน้ากรณีเพจเฟซบุ๊ก Drama Addict โพสต์ข้อความระบุว่า "เร็ว ๆ นี้ จะมีแชร์ลูกโซ่รายใหญ่มาก ใกล้เคียง forex 3d วงแตกอีกรอบ รอบนี้มหึมามาก แถมสื่อหลายเจ้ายังปั้นความน่าเชื่อถือให้มันด้วย" "สเต็ปต่อไปหลังแชร์ล่มคือแม่ทีมจะแก้ตัวโน่นนี่ แล้วพยายามผันตัวเป็นผู้เสียหายร่วม แต่ตำรวจกับศาลไม่โดนหลอกง่าย ๆ หรอก สมัยยูฟันก็งี้"

จากการตรวจสอบในกลุ่มไลน์มีผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า "นาส แอป" (Nas-App) ใช้ลงทุนแชร์ โดยอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสากล เช่น ดอลลาร์สหรัฐ อัตราเเลกเปลี่ยนสกุลเงินบิตคอยล์ พบว่ามีผู้เสียหายอยู่ในกลุ่มแล้วไม่ต่ำกว่า 600 คน ยังไม่รวมผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่คาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2,000 คน ทั้งผู้เสียหายและจำนวนเงินน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยกลุ่มไลน์ของผู้ลงทุน "นาสแอป" จะแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นสลิปโอนเงิน วิธีการชักชวน และอัตราผลตอบแทนต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายลงทุนไป เช่นลงทุน 10,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนกี่บาท รวมไปถึงวิธีการชักชวนให้ผู้อื่นเข้าร่วมลงทุนด้วย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้เสียหายบางส่วน พยายามติดต่อกันเพื่อรวมตัวเข้าแจ้งความ

 

 

นายเอ นามสมมุติ​ หนึ่งในผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ร่วมลงทุนไปแล้วประมาณ 50,000 บาท มีเพื่อนที่เคยลงทุนแนะนำ เนื่องจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อศึกษารายละเอียดการลงทุนดังกล่าว รู้สึกว่าน่าสนใจจึงลงทุนครั้งแรกไปเป็นเงิน 1,990 บาท ผ่านไปไม่กี่วันก็ได้ผลตอบแทนกลับมา 300 กว่าบาท ซึ่งวิธีการจะแบ่งการลงทุนเป็นลำดับ ลำดับสูงก็ต้องลงทุนมาก มีตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท ส่วนเงินปันผลจะยึดอัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศหรือสกุลเงินบิตคอยล์ ขณะที่เงินตอบแทนที่ได้รับก็จะเป็นสกุลเงินดอลลาร์ไม่ใช่สกุลเงินบาท จึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท กระทั่งเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือว่ามีแม่ข่ายบางรายถอนเงินออกทั้งหมด จนข่าวลือเริ่มหนาหูจึงตัดสินใจเข้าแอปฯ ดังกล่าว ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าไปทำธุรกรรมใด ๆ ได้อีกจึงคิดว่าถูกหลอกแล้ว

ด้านนางบี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ส่วนตัวเสียเงินไปกับการลงทุนแชร์ออนไลน์ครั้งนี้รวมแล้วกว่า 200,000 บาท โดยนำเงินของคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน ส่วนวิธีการก็จะมีโค้ชหรือแม่ข่าย คอยชักชวนให้เพิ่มเงินหรือระดมทุนให้มากขึ้น ไล่ตั้งแต่ระดับที่ 1 ถึงระดับที่ 7 จึงลงทุนเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็ไปหาคนมาเข้าร่วมลงทุนด้วย เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนหรือเงินปันผลให้มากขึ้น แต่พอรู้ตัวว่าถูกหลอกก็มืดแปดด้านและไม่รู้จะหาเงินมาคืนครอบครัวได้อย่างไร จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์

ด้าน ตำรวจไซเบอร์ได้สร้าง QR Code เพื่อให้ผู้เสียหายทั้งหมดกรอกข้อมูลลงไปพร้อมกับแนบเอกสารหลักฐานความเสียหาย หรือการแจ้งความออนไลน์​ เพื่อป้องกัน​ปัญหา​โรคระบาด​ และเพื่อรวบรวมผู้เสียหายทั้งหมด ก่อนดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป