จ.นครราชสีมา หลายพื้นที่ยังเฝ้าระวังน้ำท่วมต่อเนื่อง โดยที่ อ.พิมาย ปภ.ขึ้นธงเหลือง แจ้งเตือนระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ขอ ปชช. ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด ขณะที่  อ.โนนไทย เร่งระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง พร้อมประสานเกษตรอำเภอตรวจสอบพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ

 

วันที่ 21 ก.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หลังพบว่าปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูลเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูล ที่ไหลผ่านมาจากอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ลงสู่ อ.พิมาย บริเวณสะพานข้ามลำน้ำมูลในตำบลสัมฤทธิ์ อ.พิมาย ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้นำธงมาปักแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ โดยปักธงสีเหลือง แจ้งเตือนระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมูลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนขนที่อยู่ติดกับลำน้ำมูล ใน ต.สัมฤทธิ์ และ ต.ในเมือง ประชาชนเร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง เพราะกลัวว่าปริมาณน้ำจะไหลเข้าท่วมบ้านเหมือนกับในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเริ่มล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมนาข้าว และไร่อ้อยของเกษตรกร ใน ต.ธารละหลอด และ ต.สัมฤทธิ์ เป็นบริเวณกว้าง ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 70 เซนติเมตร และคาดว่าปริมาณน้ำจะท่วมสูงขึ้นอีก ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.พิมาย จึงฝากแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

 

 

ด้านพื้นที่ อ.โนนไทย สถานการณ์การรับมือกับมวลน้ำที่เร่งระบายออกจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง พบยังอยู่ในจุดที่ยังควบคุมได้ พร้อมประสานเกษตรอำเภอตรวจสอบพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ

นายสมพงษ์ หอมสนิท นายอำเภอโนนไทย ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่รับน้ำด้านล่างอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง เนื่องจากได้มีการเร่งระบายน้ำออกมาอ่างเก็บน้ำในปริมาณที่มาก ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบริเวณที่ลุ่มต่ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นเทศบาลตำบลบัลลังก์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ช.พัน 3 ร.3 ค่ายสุรนารี นำถุงบิ๊กแบคและกระสอบทรายมาทำแนวกั้นเบี่ยงทิศทางการไหลของมวลน้ำ เพื่อให้น้ำไปลงในลำห้วยขนาดใหญ่ ลดผลกระทบกับชาวบ้าน

นอกจากนี้ยังได้ประสานสำนักงานเกษตรอำเภอโนนไทยในการเร่งสำรวจความเสียหายของพื้นที่ทางการเกษตร เพื่อที่จะได้ให้การช่วยเหลือประชาชนในกรณีเกิดภัยพิบัติต่อไป

 

 

ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง ยังคงมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยมีน้ำกักเก็บอยู่ที่ 33.061 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 119% ของความจุ 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำไหลเข้าอ่างวันละ 3.915 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายออกวันละ 3.541 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยชลประทานนครราชสีมา ได้ดำเนินการจัดทำกาลักน้ำ โดยใช้ท่อ PE ขนาด 14 นิ้ว และนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มปริมาณการระบายน้ำให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดระดับการท่วมขังของน้ำในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำให้คืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว และไม่ให้เกิดผลกระทบกับชุมชนที่อยู่ด้านท้าย คาดการณ์ว่า ถ้าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ สถานการณ์น่าจะคลี่คลายเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ