หลังมีการปลดล็อกให้ใบกระท่อมถูกกฎหมาย เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างเสรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา รวมถึงผู้ต้องหาที่เคยต้องคดีกระท่อมได้พ้นผิด ล่าสุดเล็งผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกนอกต่างประเทศ 

 

(20 ก.ย.2564) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. จัดงานเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ "พืชกระท่อมไทยไปตลาดโลก" โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน และให้ข้อมูลระบุว่า จะทำให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ ซื้อขาย-ปลูกได้ ซึ่งวันนี้มีผู้คนสนใจอยากจะปลูกกระท่อมเป็นจำนวนมาก จนทำให้ใบกระท่อมมีราคาขายอยู่ที่ 300-500 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งหากนำมาปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจจะช่วยปลดหนี้ให้เกษตรกรได้

ส่วนในด้านกฎหมาย ทาง ป.ป.ส. ระบุว่า ตอนนี้กฎหมายกระท่อมปลดล็อกแล้ว สามารถปลูกได้ทุกที่ ซื้อได้ทุกทาง กินได้ทุกคน ซึ่งใครที่จะปลูก จะค้าขายใบหรือต้นพันธุ์ ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากเอาไปทำเป็นอาหาร เครื่องสำอาง หรือน้ำต้มกระท่อม ไม่ได้ผิดกฎหมายยาเสพติด แต่ผิด พ.ร.บ.อาหาร ของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการกินนั้นโดยเฉพาะเด็กและสตรีมีครรภ์ต้องระวัง เพราะมีสารบางตัวที่จะส่งผลกระทบได้

และสิ่งที่ ป.ป.ส. ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ก็คือ การนำพืชกระท่อมไปผสมกับยาเสพติดหรือทำเป็น 4x100 ที่ทาง ป.ป.ส. จะเอาจริงเอาจังดำเนินการจับกุม รวมทั้งการควบคุมเรื่องการนำเข้า-ส่งออก เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาภายในประเทศ เพราะหากนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านมากเกินไปราคาจะตกต่ำ

ในขณะที่ รศ.ดร.เอกสิทธิ์ กุมารสิทธิ์ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ระบุว่า "ได้มีการทดลองพืชกระท่อมใช้ในการบำบัดคนติดยา สรรพคุณต่อระบบประสาทและสมอง ผลการทดลองที่ออกมาจะเป็นจุดเริ่มต้นในการวิจัยเพื่อนำไปสู่ข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ มีการทดลองเรื่องการนำพืชกระท่อมไปบำบัดผู้ติดยาเสพติด และผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ซึ่งเราเชื่อว่าพืชกระท่อมมีศักยภาพพอในการนำมาบำบัดและรักษาโรคได้ และยังสามารถนำไปพัฒนาเป็นยาเพื่อสุขภาพในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย"

ด้าน นายจุลภาค เครือโสภณ ผู้ก่อตั้งบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลเรื่องการส่งออกใบกระท่อมไทย ว่า มูลค่าการตลาดพืชกระท่อมในอเมริกามีมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยมี 2 ประเทศที่ส่งออกไปอเมริกาคือ มาเลเซียกับอินโดนีเซีย โดยประเทศไทยเองทางอเมริกาก็ให้การรับรองว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดี แต่เราติดเรื่องกฎหมายมานานหลายสิบปี ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่ปั๊มน้ำมันในอเมริกาจะเป็นพื้นที่ขายกระท่อมจำนวนมากให้กับบรรดาคนขับรถบรรทุก ซึ่งขณะนี้ความต้องการมีมากกว่าการผลิต