“อนุทิน” ย้ำ เรื่องเปิดประเทศให้ ศบค.ตัดสินใจ ไม่ขัดฉีดวัคซีนใต้ผิวหนัง แต่ขอให้แพทย์พิจารณา มีหลักวิชาการรองรับ

 

20 ก.ย.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงแผนเปิดประเทศ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของสังคมว่า มีการเสนอเข้ามา แต่ก็ต้องอยู่ที่การพิจารณาของ ศบค.ด้วย และถ้าหากมีคำถาม หน่วยงานที่เสนอเข้ามาก็ต้องชี้แจง สำหรับกระทรวงสาธารณสุข เรื่องเร่งด่วนคือการให้บริการวัคซีน ให้บรรลุเป้าที่วางไว้ โดยกรมควบคุมโรคกระจายวัคซีนตามสูตรแล้ว เมื่อไปถึงพื้นที่ก็ต้องเร่งฉีด

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้สั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค จำนวน 12 ล้านโดส ตามกำหนดจะส่งมาในเดือนกันยายน 2564 จำนวน 9 ล้านโดส เดือนตุลาคม อีก 3 ล้านโดส ซึ่งประเทศไทยได้ปรับสูตรฉีดวัคซีนเป็นสูตร SA คือ เข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า เพื่อร่นเวลาการรับเข็มที่ 2 ให้เร็วขึ้น ภายใน 3-4 สัปดาห์ วัคซีนสูตรนี้ นอกจากสามารถฉีดเข้ม 2 ได้เร็ว และภูมิต้านทานก็ยังขึ้นสูงอีกด้วย ตามการคาดหมายนั้น สิ้นเดือนตุลาคมนี้ จะต้องฉีดซิโนแวคเป็นเข็มที่ 1 ให้หมด และอีกไม่เกิน 8 สัปดาห์ ก็จะได้รับเข็มที่ 2 ซึ่งเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ครบถ้วน ภาพรวมประเทศไทยจะฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงอย่างช้าที่สุดคือ เดือนพฤศจิกายน 2564

จากนั้นนักข่าวได้ถามถึงกรณีที่โรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต เริ่มฉีดวัคซีนโควิด 19 ใต้ผิวหนัง ซึ่งนายอนุทิน ระบุว่า ก่อนดำเนินการ ทางคณะแพทย์ต้องศึกษามาดีแล้ว มีข้อมูลทางวิชาการรองรับ เช่นเดียวกับการให้บริการวัคซีนแก่เด็ก ก็ต้องผ่านชั้นพิจารณาของคณะแพทย์ ซึ่งมิใช่เพียงแพทย์ของกระทรวงฯ แต่เรายังมีอาจารย์แพทย์ แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ มาช่วยกันพิจารณาอีกด้วย การให้บริการต้องอยู่บนฐานของความปลอดภัย สำหรับการที่ผู้ปกครองบางท่านต้องการให้บุตรหลานได้รับวัคซีนเชื้อตาย ตรงนี้ทางภาครัฐเข้าใจความกังวล แต่การที่เด็กจะได้รับวัคซีนเชื้อตาย จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ผลิตวัคซีนได้ปรับการขึ้นทะเบียนกับ อย. ให้สามารถบริการแก่เด็กได้