‘โรม’ ร่วมรำลึก 15 ปี รัฐประหาร ย้ำ คือทศวรรษที่สาบสูญ กระทบถึงปัจจุบัน

 

เมื่อวันที่ 19 ก.ย 2564 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุ เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ 19 กันยายน เป็นวันครบรอบ 15 ปี การรัฐประหารที่เกิดขึ้นในปี 2549 เหตุการณ์นี้ส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตผู้คนมากมาย แต่ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้ากลับเป็นการส่งผลอย่างล้าหลัง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ประเทศไทยอยู่ในทศวรรษสูญเปล่าถึง 15 ปี มีความเห็นหนึ่งจากประชาชนที่ได้เเสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กของตน ที่น่าสนใจ เเละสะท้อนภาพสังคมได้อย่างดี

“เขาเขียนไว้ว่า 15 ปีที่เเล้ว ผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.3 จนตอนนี้ผมเรียนกำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาโท ปี 2 แต่ก็ยังต้องรับชะตากรรมกับทศวรรษที่สูญเปล่าอยู่นี้ คิดเป็น 60% ของชีวิตคนวัยผมเลยครับ นี่ยังไม่นับน้อง ๆ รุ่นหลังที่เกือบทั้งชีวิตพวกเขาต้องเติบโตในทศวรรษที่สูญหายนี้ และไม่รู้จะต้องอยู่ใต้พวกมันไปอีกกี่ปี จากกรณีนี้ ผมคิดว่า 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การรัฐประหารไม่สามารถนำพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ ขณะเดียวกันเราจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นอีก เราจะทำลายมรดกคณะรัฐประหารเพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศนี้ไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยต่อไป นี่คืออุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล นี่คือความต้องการของพรรคก้าวไกลที่ต้องการเห็นในอนาคต”

จากนั้น นายรังสิมันต์ ได้สรุปผลงานของพรรคก้าวไกลตลอดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา

อ่านเพิ่มเติม : แถลงเปิด 10 ผลงานก้าวไกลในสภา 

นายรังสิมันต์ ยังได้กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการสืบต่อจากผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้มีการเตรียมฟ้องร้องต่อไปยัง ปปช. ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงอนุญาโตตุลาการ เกี่ยวกับคดีสัญญาไทยคม เพราะมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดต่อรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนจับตาว่า อาจจะมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เนื่องจากรัฐบาลต้องการบรรจุ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองโรคติดต่อ แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อเป็นกฎหมายที่เพิ่มบทคุ้มครองการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุข โดยมีข้อสังเกตว่า จะเป็นการเพิ่มเนื้อหาที่มีลักษณะนิรโทษกรรมบุคคลระดับสูงของรัฐบาลด้วยหรือไม่

“สำหรับในสมัยประชุมหน้า น่าเสียดายที่เราไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เเล้ว เนื่องจากจะอภิปรายได้ปีละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังมีกลไกทางรัฐธรรมนูญอย่างหนึ่งในการตรวจสอบรัฐบาล คือการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติที่สามารถทำควบคู่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ เเม้ว่าแขนขาในสภาเรามีน้อย เเต่เราจะใช้เเขนขาของพี่น้องประชาชนที่ไว้วางใจพรรคก้าวไกล โดยเราจะใช้กลไกลนี้ในการเปิดโปงความชั่วร้ายของรัฐบาล เเละระบอบปรสิต เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้”

ในช่วงท้าย นายรังสิมันต์ กล่าวถึง ความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ที่ผ่านมากลุ่ม resolution รวมเสียงประชาชนได้กว่า 135,247 รายชื่อ เพื่อยื่นรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสำคัญไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการสืบทอดระบอบ คสช. หรือ การปิดสวิตซ์ ส.ว. เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า กลไกเหล่านี้คือซาก คือมรดกของการรัฐประหารทั้งปี 2557 และปี 2549 พรรคก้าวไกล จึงขอสนับสนุนแนวทางของกลุ่ม resolution ในแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากเจตจำนงค์ประชาชนเพื่อแก้ไขวิกติของประเทศ

“ส่วนเรื่องความพร้อมต่อการเลือกตั้ง เราคิดว่าด้วยเสถียรภาพของรัฐบาล หากเกิดอุบัติเหตุทางเมืองกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา หรืออย่างอื่น พรรคก้าวไกลเรามีความพร้อมต่อการเลือกตั้งในระบบ 2 ใบ ที่มี ส.ส.เขต 400 คน เเละบัญชีรายชื่อ 100 คน ตามที่มีการแก้ไขและหากมีการประกาศใช้ ที่ผ่านมาเราได้เปิดรับสมัครประชาชนที่มีอุดมการณ์ร่วมกันเข้ามาเป็นปากเสียง เป็นตัวเเทนพี่น้องประชาชน เรามีความเชื่อมั่นว่า เราจะได้รับเสียงจากพี่น้องประชาชนมากขึ้น เเละเราพร้อมที่จะเดินหน้าสู้กับการเลือกตั้ง เเละสู้ทุกกติกาการเลือกตั้ง เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชน เเละเรียกคืนความเป็นธรรมนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง” รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุ